ฝุ่น PM2.5 เสี่ยงกระทบสุขภาพ 38 ล้านคน
กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย เปิดเผยข้อมูลการเฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ระหว่างวันที่ 11 ตุลาคม 2567 – 9 มกราคม 2568 พบว่าเกินมาตรฐาน 53 จังหวัด และอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ 15 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี นครปฐม หนองคาย นครพนม ระยอง สมุทรปราการ พิษณุโลก รวมถึง กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ จุดความร้อนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งในและต่างประเทศซึ่งส่งผลให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองได้
กรมอนามัยยังเปิดเผยสถานการณ์มลพิษอากาศของประเทศไทย พบว่า 38 ล้านคนต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีค่า PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน หรือ 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรขึ้นไป (มคก./ลบ.ม.) โดยจำนวน 15 ล้านคน หรือ 1 ใน 5 เป็นกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ป่วยโรคหอบหืด ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และ เด็กเล็ก ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพทำให้ค่าเฉลี่ยอายุเฉลี่ยคนไทยลดลง 1.78 ปี
นอกจากนี้ยังเปิดเผยถึงค่าเสียโอกาสด้านสุขภาพจากปัญหาฝุ่นควัน เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าหน้ากากอนามัย เครื่องฟอกอากาศ ฯลฯ ประมาณ 2,000 – 3,000 ล้านบาท โดยกว่า 75% เป็นค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล ทั้งนี้การใช้มุ้งสู้ฝุ่นในกลุ่มติดเตียง จะสามารถลดการเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้มากกว่า 1,800 ล้านบาท
ค่ารักษาพยาบาลของโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ อาทิ
หอบหืด 2,752 บาท ต่อครั้ง
โรคหลอดเลือดหัวใจและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง 16,000 บาท
มะเร็งปอด 141,100 - 197,600 บาท
ขณะที่ข้อมูลของกรมควบคุมโรค เปิดเผยปีงบประมาณ 2567 ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2566 – 31 ธ.ค. 2567 สถานการณ์จำนวนผู้ป่วยโรคที่มีความเกี่ยวข้องกับการรับสัมผัสและค่าเฉลี่ยฝุ่น PM2.5 ทั่วประเทศ ใน 6 โรค จำนวน 1,048,015 ราย แยกเป็น
ปอดอุดกั้นเรื้อรัง 226,423 ราย
โรคตาอักเสบ 357,104 ราย
โรคผิวหนังอักเสบ 442,073 ราย
โรคหืด 18,336 ราย
หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน 4,051 ราย
และการสัมผัสกับมลพิษทางอากาศ 28 ราย
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำประชาชนติดตามค่าฝุ่นเป็นประจำทุกวันและปฏิบัติตัวตามระดับค่าสีฝุ่น โดยเฉพาะเมื่อค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีแดง ย้ำกลุ่มเสี่ยง คือ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว ให้งดกิจกรรมกลางแจ้ง สวมหน้ากากป้องกัน และอยู่ในห้องปลอดฝุ่น หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
ข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
ภาพ : ทีมกราฟิก TNN