'กลุ่มแบงก์' มุมมอง 'ทิสโก้' ผลกระทบมาตรการผู้กู้ที่เปราะบาง
#ทันหุ้น - บล.ทิสโก้ สแกน หุ้นกลุ่มแบงก์ ผลกระทบเชิงลบจากมาตรการที่กำลังจะมีสำหรับผู้กู้ที่เปราะบาง โดยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคาดการมาตรการบรรเทาหนี้ใหม่ กระทบเชิงลบต่อรายได้, ต้นทุนสินเชื่อต่ำลงภายหลัง
หากสุดท้ายมาตรการออกมาเหมือนกับที่รายงานข่าว จะมีผลกระทบต่อรายได้ของธนาคาร กล่าวคือ : สินเชื่อที่มีสิทธิ์ประกอบด้วยสินเชื่อระยะที่ 2 และ 3 ดังนั้น บางส่วนของสินเชื่อยังอยู่ภายใต้การรับรู้ของธนาคาร เมื่อสินเชื่อเหล่านี้เข้าร่วมโครงการ รายได้ดอกเบี้ยของธนาคารจะลดลง ทั้งนี้ การเติบโตของสินเชื่อจะต่ำลงเนื่องจากการเร่งชำระหนี้ แต่เนื่องจากสินเชื่อที่ออกไปเป็นสินเชื่อระยะ 2/3 การเติบโตที่ลดลงจะมาพร้อมงบดุลที่แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้น ตลาดอาจไม่มองผลกระทบในแง่ลบเพียงอย่างเดียว
การหารือเรื่องการบรรเทาหนี้บ่งชี้ว่า ธนาคารอาจต้องช่วยเหลือผู้กู้ก่อนที่จะได้รับเงินคืนผ่านกองทุนคุ้มครองเงินฝากปลายปี โดยการช่วยเหลือนี่น่าจะเป็นแบบเกณฑ์เงินสดมากกว่าเกณฑ์การบัญชี หมายความว่าผลกระทบจะเต็ม 100% ในวันแรกก่อนได้รับคืน 50% ภายหลัง นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าเนื่องจากโครงการจะดำเนินต่อเนื่อง 3 ปี การจ่ายคืน 50% จากกองทุนคุ้มครองเงินฝากอาจถูกปรับในปีที่สองและสาม
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบเชิงลบต่อรายได้ควรถูกชดเชยด้วยคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยลด credit cost แต่เนื่องจากมีช่องว่างระหว่างผลกระทบเชิงลบและบวก ราคาหุ้นในกลุ่มอาจลดลงก่อนฟื้นตัวภายหลัง ความเสี่ยงอยู่ที่ด้าน downside หากสภาวะแย่ลงในปีที่สองและสาม ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ TTB และ SCB โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 2.20 และ 121.00 บาท ตามลำดับ
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคาดการมาตรการบรรเทาหนี้ใหม่
จากข่าวรายงานว่า มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการบรรเทาหนี้สำหรับกลุ่มผู้กู้ที่เปราะบาง โดยมีสาระสำคัญดังนี้
โครงการจะเป็นแบบสมัครใจสำหรับผู้กู้รายย่อย/SME ที่มีวงเงินเล็กกว่า (เช่น สินเชื่อจำนองต่ำกว่า 3 ล้านบาท สินเชื่อรถยนต์ต่ำกว่า 8 แสนบาท และสินเชื่อรถจักรยานยนต์ต่ำกว่า 5 หมื่นบาท) ที่ผิดนัดชำระก่อน 31 ต.ค. 2024 (เพื่อป้องกันปัญหาทางจริยธรรม) โดยมีวันค้างชำระไม่เกิน 12 เดือน
สินเชื่อที่มีสิทธิ์รวม 1.3 ล้านล้านบาท ซึ่งน้อยกว่ายอดสินเชื่อผู้บริโภค/SME ที่ 5.3/5.1 ล้านล้านบาท ของธนาคารพาณิชย์
ลดอัตราดอกเบี้ยเป็นศูนย์เป็นเวลา 3 ปี พร้อมลดงวดผ่อนรายเดือน (50% ในปีแรก เพิ่มเป็น 70% และ 90% ในปีที่สองและสาม) โดยเงินผ่อนรายเดือนทั้งหมดจะนำไปชำระเงินต้นเพื่อให้กู้ยืมหมดเร็วขึ้น
เกี่ยวกับรายได้ดอกเบี้ยที่สูญเสีย ธนาคารแห่งประเทศไทยจะจ่ายคืน 50% ผ่านการตัดเงินกองทุนคุ้มครองเงินฝากที่น้อยลง ธนาคารจะรับภาระ 50% ที่เหลือ
ตามที่นายกรัฐมนตรีเปิดเผย รัฐบาลจะจัดประชุมเมื่อ 12 ธ.ค. เพื่ออัปเดตนโยบายรัฐบาล ดังนั้น เป็นไปได้ว่ามาตรการบรรเทาหนี้อาจประกาศในวันเดียวกัน