คลัสเตอร์ "ศูนย์มัรกัสยะลา" ติดเชื้อโควิดแล้ว 402 ราย กระจาย 11 จังหวัด
วันนี้ (21 มิ.ย.64) พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดเชื้อโควิด-19 จากศูนย์มัรกัส หมู่ 3 บ้านเปาะยานิ ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา แพร่กระจายไปหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ ว่า นายแพทย์สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา รายงานสถานการณ์ให้ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข (EOC) รับทราบว่า คลัสเตอร์ดังกล่าวพบผู้ติดเชื้อแล้ว 402 ราย กระจายไปอีก 11 จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส สตูล ปัตตานี สงขลา กระบี่ พัทลุง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พังงา ตรัง ภูเก็ต
ทั้งนี้ เนื่องจากโรงเรียนสอนศาสนาแห่งนี้ มีนักเรียนประมาณ 500 คน มาจาก 17 จังหวัด จากการสอบสวนโรค เบื้องต้นคาดว่ามีผู้ติดเชื้อคนแรกเมื่อวันที่ 29 พ.ค.64
ขณะที่ ไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อ พบว่า พฤติกรรมการทานอาหาร นักเรียนใช้ทั้งถาดอาหารและแก้วน้ำร่วมกัน รวมถึงการทำกิจกรรมทางศาสนาร่วมกันด้วยสำหรับมาตรการที่ดำเนินการแล้ว คือ การปิดโรงเรียน การค้นหาเชิงรุกในชุมชน การออกประกาศแนะนำให้คนที่มีความสัยหรือมีความเสี่ยงจากการสัมผัสกับนักเรียน หรือบุคคลในชุมชน ให้รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง
พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า ขณะนี้ ได้มีคำสั่งปิดโรงเรียนและปิดพื้นที่เสี่ยง หมู่ที่ 3 บ้านเปาะยานิ ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา จ.ยะลาแล้ว นอกจากนี้ จุฬาราชมนตรีได้แสดงความเป็นห่วงและแจ้งคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด หรือ กอจ. ทั่วประเทศ และอิหม่ามทุกมัสยิดว่าให้นักเรียนที่กลับจากโรงเรียนมัรกัส จ.ยะลา ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 รวมทั้งให้งดละหมาดวันศุกร์ ณุมอะห์ และงดละหมาดที่มัสยิด ญะมาอะห์ จนกว่าจะมีผลชัดเจนว่าไม่ติดโควิด
อย่างไรก็ตาม ในกรณีการสั่งปิดโรงเรียน ไม่ใช่แค่จ.ยะลา แต่กรมควบคุมโรคได้มีการเสนอว่ากรณีมีการสั่งปิดโรงเรียนในพื้นที่ใดนั้น ทางโรงเรียนควรมีการรายงานไปยังคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดก่อนที่จะปิด และเมื่อปิดแล้วก็ต้องมีมาตรการดูแล พร้อมการทำความเข้าใจผู้ปกครองและนักเรียน และกรณีสั่งปิดโรงเรียนและมีนักเรียนเดินทางกลับบ้าน ก็ขอผู้มีความเสี่ยง กักตัวสังเกตอาการ นอกจากนี้กรมควบคุมโรค กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มีการค้นหาเชื้อกลายพันธุ์ ซึ่งคาดว่าสัปดาห์นี้จะได้ข้อสรุปและจะชี้แจงรายละเอียดให้ทราบต่อไป