รีเซต

โควิด-19 : แม้ว่ายอดผู้ป่วยใหม่จะเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 20 ราย เป็นเวลาต่อเนื่อง 3 แต่ยังมีหลายจังหวัดที่ต้องจับตา

โควิด-19 : แม้ว่ายอดผู้ป่วยใหม่จะเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 20 ราย เป็นเวลาต่อเนื่อง 3 แต่ยังมีหลายจังหวัดที่ต้องจับตา
บีบีซี ไทย
24 เมษายน 2563 ( 12:40 )
47

Getty Images

ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 (ศบค.) เผย จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดล่าสุดเพิ่มขึ้นต่ำกว่า 20 ราย ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เป็นผลมาจาก ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต พร้อมแนะภาคประชาชน-เอกชนต้องออกแบบชีวิตวิถีใหม่ (new normal) เพื่อควบคุมการระบาด

ด้าน รมว. สาธารณสุข ระบุได้ส่งข้อมูลการวิเคราะห์ที่มาจากผู้เชี่ยวชาญและทีมแพทย์เสนอนายกฯ เพื่อพิจารณาว่าจำเป็นต้องต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. เปิดเผยวันนี้ (24 เม.ย.) ว่า จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโรคโควิด-19 ล่าสุดเพิ่มขึ้น 15 ราย เป็นยอดสะสมอยู่ที่ 2,854 ราย ผู้ป่วยหายดีแล้ว 2,490 ราย ยอดเสียชีวิตคงที่ 50 ราย

กลุ่มผู้ป่วยรายใหม่ 15 ราย ได้แก่

1. ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ

  • ผู้ป่วยมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันหรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ รวม 9 ราย แบ่งเป็นในกทม. 4 ราย ภูเก็ต 4 รายและอีก 1 รายจากสงขลา
  • กลุ่มผู้ป่วยกลุ่มอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ 2 ราย แบ่งเป็นคนไทยกลับมาจากต่างประเทศ 1 ราย และไปสถานที่ชุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยวใน ปทุมธานี 1 ราย

2. การค้นหาในชุมชนตามมาตรการเชิงรุกของกระทรวงสาธารณสุขในยะลา 4 ราย

ในจำนวนของผู้ป่วยยืนยันสะสมสูงสุด 5 จังหวัดแรก ไม่รวมกับกลุ่ม State quarantine ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 1,457 ราย ภูเก็ต 200 ราย นนทบุรี 152 ราย สมุทรปราการ 111 ราย และยะลา 99 ราย

กลุ่มจังหวัดที่ต้องจับตา

นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า กลุ่มจังหวัดที่น่าจับตาเนื่องจากในช่วง 7 วันที่ผ่านมายังมีรายงานผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ รวมทั้ง ภาคกลาง เช่น พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรปราการ และภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี

ส่วนภาคใต้ ได้แก่ กระบี่ ชุมพร นราธิวาส ปัตตานี ภูเก็ต ยะลา และสงขลา

อย่างไรก็ตาม โฆษก ศบค. ระบุว่า ยังต้องการให้ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในกลุ่มจังหวัดดังกล่าวลดน้อยลงและเข้าสู่กลุ่มที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยใหม่

สำหรับกลุ่มจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยในช่วง 28 วันที่ผ่านมามี ทั้งหมด 10 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ สุโขทัย อุทัยธานี มหาสารคาม ยโสธร ร้อยเอ็ด อุดรธานี ส่วนจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยมาก่อนรวม 9 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี และอ่างทอง

สถานการณ์ทั่วโลกนั้นมีผู้ป่วยสะสมกว่า 2,715,614 ราย และเสียชีวิต 190,422 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 6,401 รายภายในวันเดียว ซึ่งสหรัฐอเมริกายังมียอดผู้ป่วยสะสมและเสียชีวิตสูงสุด รองลงมาคือ สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหราชอาณาจักร

อนุทิน เผยการเปลี่ยนผ่านโควิดต้องค่อยเป็นค่อยไป

ในช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าได้ส่งข้อมูลการวิเคราะห์ที่มาจากผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ คณบดีแพทยศาสตร์ ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการระบาดวิทยา ให้กับนายกรัฐมนตรี เพื่อให้นำไปประกอบการตัดสินใจ ประกอบกับด้านอื่น ๆ ว่าจะต้องคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปหรือไม่ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา

ส่วนแนวโน้มจะต้องมีการมีการขยายเวลาออกไปหรือไม่นั้น ขณะนี้ก็ต้องค่อย ๆ เปลี่ยนผ่านกันไป ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข เป็นอีกเพียงส่วนหนึ่ง มีหน้าที่เฝ้าระวังและป้องกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องนำไปรวมกับความเห็นอีกหลาย ๆ ฝ่าย

ทั้งนี้ นายอนุทิน ยังระบุอีกว่า การสร้างพฤติกรรมแบบใหม่เป็นสำคัญ เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีวัคซีน อย่างไรก็ต้องมีการเว้นระยะห่างใส่หน้ากากอนามัย ทำงานที่บ้าน ลดปริมาณการเดินทาง ซึ่งทุกอย่างน่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดี โดยจะปล่อยให้เกิดการระบาดแบบตูมตามอีกครั้งไม่ได้ เพราะขณะนี้ก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว

แอร์ไลน์เตรียมกลับมาบิน 1 พ.ค.

แม้ว่ามาตรการผ่อนปรนเพื่อเปลี่ยนผ่านสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่ชัดเจน แต่มีผู้ประกอบการสายการบินบางรายที่แจ้งว่าจะเริ่มดำเนินการบินเที่ยวบินภายในประเทศ

รายงานจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ระบุว่าเบื้องต้นคาดว่าจะมี 2 สายการบินที่มีความพร้อมทำการบินในวันที่ 1 พ.ค.นี้ คือ สายการบินไทยแอร์เอเชีย และสายการบินไทยไลอ้อนแอร์

สายการบินไทยแอร์เอเชียจะเริ่มบินวันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป ส่วนสายการบินไทยไลอ้อนแอร์จะขอพิจารณาเงื่อนไขการประกาศต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่คาดว่าจะออกมาก่อนวันที่ 30 เม.ย.นี้ เพื่อกำหนดวันเริ่มบินต่อไป

อย่างไรก็ตาม สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยระบุว่า ทุกสายการบินยังจะต้องปฏิบัติตามมาตรการการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด โดยให้ขายบัตรโดยสารในลักษณะที่นั่งเว้นที่นั่ง เมื่อถึงช่วงเดินทางต้องรักษาระยะห่างระหว่างผู้โดยสาร (Social Distancing) ทุกขั้นตอนตั้งแต่การเช็กอิน การขึ้นและลงเครื่องบิน จะไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มระหว่างเที่ยวบิน เป็นต้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง