อังกฤษเจอปัญหาบ้านร้อนจัด พบกลุ่มคนรายได้น้อยเสี่ยงที่สุด!

ผลการศึกษาล่าสุดเผยว่า คนรายได้น้อย และครอบครัวที่มีเด็กเล็กในอังกฤษ มีแนวโน้มอยู่อาศัยในบ้านที่เสี่ยงต่อการร้อนจัดอย่างอันตรายมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ขณะที่อุณหภูมิหน้าร้อนที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้หลายคนต้องทนกับความร้อนในบ้านที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรับมือกับอากาศร้อนจัด
ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในประวัติการณ์ อุณหภูมิเฉลี่ยในอังกฤษสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 1.58 องศาเซลเซียส ความร้อนภายในบ้านที่เกิน 25 องศาเซลเซียสส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทั้งโรคหัวใจและระบบทางเดินหายใจ ปัญหาการนอนหลับ ความเครียด และอาการเหนื่อยล้า นอกจากนี้ ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ
จากการวิเคราะห์โดย Resolution Foundation พบว่าเกือบครึ่งหนึ่ง (48%) ของครัวเรือนกลุ่มรายได้น้อยที่สุดในอังกฤษ อาศัยอยู่ในบ้านที่เสี่ยงต่อความร้อนจัด ซึ่งสูงกว่ากลุ่มรายได้สูงสุดที่มีเพียง 17% ซึ่งการเป็นเจ้าของบ้านเองช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้อย่างมาก โดยสองในสามของผู้เช่าที่อยู่อาศัยในบ้านสังคม (Social housing) เผชิญกับความเสี่ยงสูงสุดจากบ้านร้อนจัด ในขณะที่บ้านเช่ารายย่อยมีความเสี่ยง 55% และบ้านที่เป็นของเจ้าของเองมีความเสี่ยงเพียง 17%
นอกจากนี้ ครัวเรือนที่มีเด็กเล็กประมาณ 6 ใน 10 หลัง และเกือบครึ่งหนึ่งของครัวเรือนกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ก็เสี่ยงสูงต่อการอยู่ในบ้านที่ร้อนจัดโดยภาพรวมแล้ว ประมาณ 20% ของบ้านในอังกฤษมีปัญหาความร้อนจัดในช่วงอุณหภูมิฤดูร้อนปัจจุบัน ขณะที่ 32% มีคุณสมบัติที่เสี่ยงจะเกิดปัญหาความร้อนจัดในอนาคต
บ้านขนาดเล็ก ห้องแคบ และบ้านที่อยู่อาศัยแออัด มีความเสี่ยงสูง เช่นเดียวกับบ้านในเมืองใหญ่อย่างลอนดอนที่ได้รับผลกระทบจาก “เกาะความร้อนในเมือง” โดยมีบ้านในลอนดอนถึง 53% ที่เสี่ยงต่อความร้อนจัด เทียบกับ 31% ในพื้นที่อื่น ๆ
ผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษปรับปรุงมาตรฐานบ้านในอนาคต (Future Homes Standard) ให้ครอบคลุมเรื่องการป้องกันความร้อนในบ้านด้วย ซึ่งกฎระเบียบชุดนี้มีกำหนดเผยแพร่ในฤดูใบไม้ร่วงปี พ.ศ. 2568 และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2570 โดยที่ผ่านมาเน้นหนักที่การรักษาความอบอุ่นในบ้านช่วงฤดูหนาว แต่ยังขาดมาตรการป้องกันบ้านร้อนในฤดูร้อน
“ไซมอน แมคไวร์เตอร์” ซีอีโอของ UK Green Building Council กล่าวว่า การก่อสร้างบ้านใหม่ในปัจจุบันยังไม่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป และจะต้องปรับตัวให้รับมือกับอากาศที่ร้อนขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และองค์กร Resolution Foundation ระบุว่า ความร้อนจัดที่เพิ่มขึ้นจะเกิดบ่อยขึ้นในอนาคต โดยความเสี่ยงนี้ไม่ได้กระจายอย่างเท่าเทียมกัน ครอบครัวรายได้น้อย ผู้เช่าบ้านสังคม ครอบครัวที่มีเด็ก มักจะอยู่ในบ้านที่เสี่ยงร้อนจัดมากกว่า
งานวิจัยนี้ใช้ข้อมูลจากการติดตั้งเซ็นเซอร์ในบ้านหลายร้อยหลัง เพื่อวัดว่าแบบบ้านใดมีความเสี่ยงสูงสุด โดยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับขนาดบ้านและลักษณะการอยู่อาศัย เพื่อชี้ให้เห็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงในสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น
นอกจากนี้ ยังพบว่าแรงงาน 1 ใน 4 ของอังกฤษทำงานในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่ออาการความร้อนสูงเกินไป โดยผู้ที่มีรายได้สูงมีความเสี่ยงน้อยกว่า ขณะที่แรงงานอายุมากกว่า 50 ปี มีความเสี่ยงสูงขึ้น และคนทำงานในสำนักงานในพื้นที่ยากจนมักไม่มีเครื่องปรับอากาศ
งานวิจัยแนะนำให้อังกฤษศึกษาประสบการณ์จากประเทศที่มีอุณหภูมิสูงนาน เช่น การกำหนดมาตรฐานอุณหภูมิสูงสุดในที่ทำงาน และการออกแบบอาคารที่เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อน และสำหรับวิธีลดความร้อนในบ้านช่วงหน้าร้อน มีหลายวิธี เช่น การระบายอากาศที่ดีเพื่อสร้างลมผ่านบ้าน หน้าต่างที่ออกแบบดี รวมถึงการใช้สีทาสะท้อนความร้อนบนหลังคาหรือผนังบ้าน
นอกจากนี้ การปลูกต้นไม้ริมถนนช่วยลดความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย UK Green Building Council แนะนำแนวคิด “3:30:300” คือ การเห็นต้นไม้จากบ้านอย่างน้อย 3 ต้น มีพื้นที่ครอบคลุมด้วยเรือนยอดต้นไม้ 30% ในละแวกที่อยู่อาศัย และบ้านควรอยู่ไม่ไกลจากสวนสาธารณะหรือพื้นที่สีเขียวที่มีความหลากหลายทางชีวภาพไม่เกิน 300 เมตร
ตัวแทนรัฐบาลกล่าวว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความเย็นในบ้านช่วงอากาศร้อน จึงมีกฎระเบียบให้บ้านใหม่ต้องออกแบบป้องกันความร้อน และอยู่ระหว่างการปรับปรุงมาตรฐานบ้านในอนาคต
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
