รีเซต

KBANKชูไพรเวตแบงกิ้ง เป้าหมายรายได้ปี67โต20%

KBANKชูไพรเวตแบงกิ้ง เป้าหมายรายได้ปี67โต20%
ทันหุ้น
15 ธันวาคม 2566 ( 18:24 )
43
KBANKชูไพรเวตแบงกิ้ง เป้าหมายรายได้ปี67โต20%

#KBANK #ทันหุ้น - KBANK ตั้งเป้าปี 2567 รายได้กลุ่มธุรกิจไพรเวตแบงกิ้งเติบโต 15-20% จากปี 2566 หลังรุกเจาะฐานลูกค้าใหม่-ขยายบริการเพิ่ม พร้อมลุยกลยุทธ์บริหารสินทรัพย์ครอบครัว หวังสร้างความมั่งคั่งส่งต่อรุ่นสู่รุ่น แถมมองสรรพากรเตรียมเก็บเงินได้ลงทุนนอกประเทศ เริ่มปีหน้าหนุนผู้ใช้บริการขยายตัว


นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้ารายได้กลุ่มธุรกิจ Private Banking (ไพรเวตแบงกิ้ง) ปี2567 เติบโตราว 15-20% เมื่อเทียบกับปี 2566 เนื่องจากธุรกิจมีการทำตลาดเจาะลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้น ประกอบกับมีการนำเสนอบริการรูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง


*ลุยเจาะฐานใหม่

โดยปี2567 ธนาคารยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการและสานต่อโซลูชัน 4 เสาหลัก ที่ประกอบไปด้วย การลงทุนบนหลักการ Risked-based Asset Allocation การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก การลงทุนเพื่อความยั่งยืน และการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือการเก็บรักษาและปกป้องให้ทรัพย์สินที่มีอยู่ไม่ให้สูญมูลค่าไป การวางแผนเพื่อสร้างการเติบโตในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในทุกสภาวะเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ การส่งต่อความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่น


ทั้งนี้ หากจำแนกเฉพาะการบริการที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว ปัจจุบันมีลูกค้าที่ไว้วางใจใช้บริการรวมประมาณ 820 ครอบครัว คิดเป็น 39% ของลูกค้าไพรเวตแบงกิ้งทั้งหมด รวมทรัพย์สินครอบครัวภายใต้การ บริหารจัดการประมาณ 1.9 แสนล้านบาท โดยในปี2566 ได้เพิ่มบริการแก้ไขความขัดแย้งของครอบครัว (Reconciliation Service) เพื่อให้การวางแผนธุรกิจหรือทรัพย์สินกงสีของครอบครัวดำเนินอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


ในขณะที่บริการที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบันมีมูลค่ารวม 4.2 แสนล้านบาท นอกจากนี้ยังมีลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการ Land Loan for Investment เพื่อแปลงทรัพย์สินที่ดินมาเป็นสินเชื่อเพื่อการลงทุน คิดเป็นมูลค่าสินเชื่อที่อนุมัติแล้ว 1.9 พันล้านบาท ซึ่งสะท้อนความไว้วางใจของลูกค้าได้เป็นอย่างดี


*บริการลงทุนโตหุ้นโลกดี

ส่วนบริบทการลงทุนในปี 2566 มีแนวโน้มดีขึ้น ตลาดหุ้นโลกปรับตัวสูงขึ้นถึงกว่า 17% โดยได้ปัจจัยสนับสนุนมาจากแนวโน้มการสิ้นสุดของวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงด้านความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ ยังคงสร้างแรงกดดันอยู่


สำหรับผลตอบแทนของตลาดหุ้นแยกเป็นรายประเทศ พบว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่น (Nikkei225) และสหรัฐ (S&P500) ปรับตัวสูงขึ้น 30% และ 21% ตามลำดับ โดยในฝั่งสหรัฐเป็นผลมาจากหุ้น 7 นางฟ้า (Magnificent 7) ที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างดี 


ในขณะที่ SET Index ของไทยเป็น 1 ในดัชนีตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงมากที่สุดถึง ประมาณ - 15% และหากแยกผลตอบแทนเป็นรายสินทรัพย์ พบว่าตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นได้ดีที่สุด รองลงมาเป็น ทองคำ ในขณะที่ตราสารหนี้ส่วนใหญ่บวกได้เล็กน้อย ในทางกลับกันการลงทุนในน้ำมันส่งผลลบในปีนี้


สำหรับKBank Private Banking ในฐานะที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนให้ความสำคัญกับการสร้างพอร์ต การลงทุนที่มีความคล่องตัวสูงเพื่อรองรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง กระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสสร้าง ผลตอบแทนในสินทรัพย์ทั่วโลก รวมทั้งให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อความยั่งยืน 


โดยพอร์ตที่แนะนำอย่าง K-ALPHA มีโครงสร้างการลงทุนแบ่งเป็นพอร์ตหลัก (Core Portfolio) และพอร์ตเสริม (Satellite Portfolio) โดยพอร์ตหลักจะลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายทั่วโลกในสัดส่วนที่เหมาะสมกับเป้าหมายของนักลงทุนในระยะยาว


ขณะที่พอร์ตเสริมจะบริหารเชิงรุกทั้งในหุ้น ตราสารหนี้ และเฮดจ์ฟันด์ (Hedge Funds) ให้ตอบรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดการเงิน ณ ขณะนั้น โดยในปีนี้ K-ALPHA มีผลตอบแทนดีขึ้นทั้ง 3 โมเดล ได้แก่ Conservative 1.5%, Moderate 1.4% และ Aggressive 1.3% 


  • กลุ่มกองทุน K-ALLROADS Series ที่เป็นพอร์ตหลักสร้างผลตอบแทน เป็นลำดับต้นๆ ของกลุ่มกองทุนรวมผสมในประเทศไทย  
  • สำหรับกองทุนเด่นในพอร์ตเสริมทั้งในส่วนของหุ้น ตราสาร หนี้ และเฮดจ์ฟันด์ ได้แก่ TBRAND, UPINCM-N และ DAOL-FXALPHA-UI ตามลำดับ


สรรพากรจ่อเก็บภาษีหนุน

นายจิรวัฒน์ กล่าวเสริมว่า ในแง่ประเด็นเกี่ยวกับการที่ทางกรมสรรพากรเตรียมภาษีเงินได้จากต่างประเทศของบุคคลธรรมดา ซึ่งจะเริ่มมีผลและรายได้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไปนั้นมองว่าน่าจะเป็นผลบวกต่อธุรกิจไพรเวตแบงกิ้งให้เติบโตมากขึ้นด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง