ผู้นำสื่อมวลชน 'บริกส์' หารือแลกเปลี่ยน-ร่วมมือยุคหลังโควิด-19
ปักกิ่ง, 1 ธ.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันจันทร์ (30 พ.ย.) คณะผู้นำประจำการประชุมสื่อมวลชนกลุ่มประเทศบริกส์ (BRICS Media Forum) ครั้งที่ 5 ร่วมอภิปรายทางออนไลน์ พร้อมแสดงคำมั่นพัฒนากลไกการประชุม ยกระดับการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างสื่อมวลชนกลุ่มประเทศบริกส์ในยุคหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
เหอผิง ประธานบริหารของการประชุมฯ ระบุว่าท่ามกลางการต่อสู้กับโรคโควิด-19 องค์กรสื่อจากกลุ่มประเทศบริกส์บรรลุภาระหน้าที่ทางสังคมมาโดยตลอด โดยตามบันทึกและถ่ายทอดเหตุการณ์ที่กลุ่มประเทศบริกส์ร่วมกันต่อสู้กับการระบาดใหญ่ พร้อมอำนวยความสะดวกแก่การช่วยเหลือและการส่งแรงสนับสนุนระหว่างประชาชนในประเทศสมาชิกเหอ ซึ่งเป็นประธานและบรรณาธิการใหญ่ของสำนักข่าวซินหัว กล่าวว่าขณะโลกเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 100 ปี สื่อมวลชนของกลุ่มประเทศบริกส์ควรทำหน้าที่เป็น "ผู้ส่งเสริม" การพัฒนาอย่างสันติเฉกเช่นในอดีตที่ผ่านมาประธานกล่าวกระตุ้นสื่อมวลชนกลุ่มประเทศบริกส์ตระหนักถึงกระแสการพัฒนาระดับโลก เป็น "ผู้ถ่ายทอด" เรื่องราวของกลุ่มประเทศบริกส์ ติดตามกระแสวิวัฒนาการของสื่อ เป็น "ผู้นำ" ของการพัฒนาเชิงนวัตกรรม ใช้ประโยชน์จากการร่วมงานระหว่างกลุ่มประเทศบริกส์อย่างเต็มที่ พร้อมเป็น "ผู้แสวงหา" ความร่วมมือเชิงปฏิบัติสำนักข่าวซินหัวพร้อมเสริมสร้างความร่วมมือกับสื่อมวลชนต่างประเทศ เพื่อสร้างแรงกระตุ้นทางจิตวิญญาณในการเอาชนะการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสร้างประชาคมมนุษยชาติที่มีอนาคตร่วมกันโฮเซ ฮวน ซานเชซ ประธานซีเอ็มเอ กรุ๊ป (CMA Group) ของบราซิล เซอร์เกย์ โคเชตคอฟ รองหัวหน้าบรรณาธิการลำดับที่ 1 ของสำนักข่าวรอสซิยา ซิโฮดนยา (Rossiya Segodnya) นาราซิมฮัน รัม ผู้อำนวยการเดอะ ฮินดู พับลิชิง กรุ๊ป (The Hindu Publishing Group) ของอินเดีย และอิคบัล เซิร์ฟ ประธานบริหารของ อินดีเพนเดนต์ มีเดีย (Independent Media) ของแอฟริกาใต้ ร่วมเป็นประธานในการประชุม พวกเขาแสดงความหวังยกระดับความร่วมมือระหว่างองค์กรสื่อของกลุ่มประเทศบริกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกันและช่วยสร้างโลกที่ดียิ่งขึ้นอนึ่ง การประชุมสื่อมวลชนกลุ่มประเทศบริกส์ เป็นการประชุมที่สำนักข่าวซินหัวเป็นผู้นำเสนอ และร่วมริเริ่มโดยสื่อกระแสหลักของบราซิล รัสเซีย อินเดีย และแอฟริกาใต้ โดยมีคณะผู้นำประจำการประชุมฯ เป็นกลุ่มผู้มีอำนาจการตัดสินใจสูงสุด