IIG แบ็กล็อกแน่น 546 ล. ปั๊มรายได้แตะ 3 พันล้าน

ข่าววันนี้ IIG อวดแบ็กล็อกล้น 546 ล้านบาท หลังยอดประมูลงานพุ่ง 500 ล้านบาท ฟากบิ๊กบอส “สมชาย  เมฆะสุวรรณโรจน์”  ใส่เกียร์ดันรายได้ 3 ปีแตะ 3 พันล้านบาท รุกรับงานใหม่ เชื่อมาร์จิ้นเข้าสู่ภาวะปกติ 12-13%

นายสมชาย  เมฆะสุวรรณโรจน์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IIG ผู้ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัล และเทคโนโลยีให้ภาคธุรกิจ เปิดเผยว่า บริษัทจะผลักดันเป้าหมายรายได้ 3 ปี (2566-2568) ข้างหน้าให้แตะที่ระดับ 3 พันล้านบาท จากปี 2565 คาดจะทำได้เกือบ 1 พันล้านบาท หรือที่ประมาณ 900-950 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดรายได้ปีนี้จะทำได้ตามเป้า เพราะบริษัทมีงานในมือ หรือ Backlog สิ้นปี 2564 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 546 ล้านบาท จากสิ้นไตรมาส 3/2564 ที่ประมาณ 288 ล้านบาท

** งานเต็มพอร์ต

ขณะเดียวกันงานที่เป็นรายได้ประจำ และงานที่อยู่ระหว่างประมูลงาน หรือ Pipelineเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยงานรายได้ประจำเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 424 ล้านบาท จากสิ้นไตรมาส 3/2564 ที่ 326 ล้านบาท ส่วนงาน Pipeline เพิ่มขึ้นมาแตะที่ระดับ 500 ล้านบาท จากสิ้นไตรมาส 3/2564 ที่ 467 ล้านบาท

ทั้งนี้ปริมาณงานมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทโฟกัสการหางานใหม่ เพื่อผลักดันรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนอัตราการกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) คาดจะกลับอยู่ที่ระดับปกติที่ 12-13% แม้ปัจจุบันบริษัทจะรับพนักงานต่อเนื่อง และอาจจะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นบ้าง แต่บริษัทจะปรับราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ทั้งนี้คาดจะเห็นอัตรากำไรสุทธิขยับขึ้นไปที่ระดับ 12-13% ประมาณครึ่งปีหลัง 2565

** ตั้งบริษัทร่วมทุน

นอกจากนี้ปลายปี 2565 บริษัทจะเริ่มเห็นภาพธุรกิจ บริษัท ไอแอนด์ไอ เวนเจอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางด้านดิจิทัลอินชัวรันส์ (Digital Insurance) และงานบริการที่เกี่ยวข้องเข้ามา ซึ่งบริษัทร่วมทุนดังกล่าวจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ปี 2566 บริษัทมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น และหากการร่วมทุนนี้ประสบความสำเร็จ บริษัทจะมองหากการร่วมมือกับพันธมิตรอุตสาหกรรมอื่น เพื่อพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม และยกระดับดิจิทัลแพลตฟอร์มให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น

อนึ่ง ผลการดำเนินงานประจำปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 บริษัทมีรายได้รวม ซึ่งประกอบด้วยรายได้จากการขายและการให้บริการให้คำปรึกษาติดตั้งระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ อยู่ที่ 690.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 136.93 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 553 ล้านบาท

** เคาะจ่ายปันผล

ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 79.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.60 ล้านบาท หรือคิดเป็น 26.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 62.77 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากรายได้ทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยการเติบโตหลัก มาจากธุรกิจด้านการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) และธุรกิจด้านการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ที่มีอัตราการเติบโต 15.2% และ 26.5% ตามลำดับ

และที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทที่ผ่านมา (23 ก.พ.) มีมติอนุมัติจ่ายปันผล 0.40 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงิน 40 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565