เขื่อนเจ้าพระยา ระบายน้ำ เพิ่มความเสี่ยง น้ำท่วม 11 จังหวัด
สถานการณ์อุทกภัยในประเทศไทยยังคงน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร หลังจากการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ต้องออกมาเตือนประชาชนใน 11 จังหวัดให้เฝ้าระวังน้ำท่วมอย่างใกล้ชิด
การเตือนภัยและพื้นที่เสี่ยง
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษก ศปช. ได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี อุทัยธานี ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง 7 จังหวัด ให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งแนะนำให้ประชาชนขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงและติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด
การช่วยเหลือและเยียวยา
ในส่วนของการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ธนาคารออมสินได้เร่งจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 4 ตุลาคม 2567 มีผู้ยื่นคำร้องขอรับเงินรวม 84,224 ครัวเรือน และได้มีการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ประสบภัยสำเร็จแล้วจำนวน 8,787 ครัวเรือน เป็นเงินทั้งสิ้น 43,987,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้
สถานการณ์ในพื้นที่อื่นๆ
ในขณะเดียวกัน สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงใหม่เริ่มคลี่คลาย โดยระดับน้ำที่จุดตรวจวัด P1 เชิงสะพานนวรัฐ ลดลงมาอยู่ที่ 4.90 เมตร และคาดว่าจะลดระดับลงอย่างต่อเนื่องหากไม่มีฝนตกเพิ่มในพื้นที่ ส่วนที่จังหวัดเชียงราย มีการเปิดยุทธการเค้าท์ดาวน์นับถอยหลังเพื่อคืนพื้นที่ให้กับประชาชน โดยมีการเร่งฟื้นฟูบ้านเรือน ซ่อมแซมระบบประปา และตรวจสอบระบบไฟฟ้า
สรุปและข้อควรระวัง
สถานการณ์อุทกภัยในประเทศไทยยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร ประชาชนควรติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น หากต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อสายด่วน 1567 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเร่งดำเนินการช่วยเหลือและฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้เร็วที่สุด