รีเซต

รวบพระสงฆ์ อ้างเป็นพี่ชาย 'บิ๊กโจ๊ก' ตุ๋นเหยื่อ จ่ายหัวละแสน ฝากเข้าตำรวจได้

รวบพระสงฆ์ อ้างเป็นพี่ชาย 'บิ๊กโจ๊ก' ตุ๋นเหยื่อ จ่ายหัวละแสน ฝากเข้าตำรวจได้
มติชน
9 มิถุนายน 2565 ( 13:08 )
158

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 มิถุนายน ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงสิริสมบัติ รอง ผบก.สส.ภาค 4 พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภาค 4 พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายอภิรักษ์ จุลจรัสภากร อายุ 75 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ในข้อหาฉ้อโกง โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณบ้านเช่า จ.ชุมพร

 

พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภาค4 กล่าวว่า เนื่องจากมีผู้เสียหายร้องเรียนมายังสื่อมวลชน ว่ามีพระภิกษุอ้างตนเป็นพี่ชาย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ว่าสามารถฝากลูกหลานเข้ารับราชการเป็นตำรวจและทหารได้ โดยเสียค่าใช้จ่ายรายละประมาณ 100,000 บาท มีผู้เสียหายหลงเชื่อจำนวนมาก ทั้งในพื้นที่ จ.ขอนแก่น และ จ.มหาสารคราม

โดยพฤติการณ์ในคดีนี้ นายอภิรักษ์ ผู้ต้องหา ได้บวชเป็นพระภิกษุ อยู่ที่วัดป่าธรรมจักร บ้านท่าแก ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้รับฉายา พระอภิรักษ์ อภิปุญโญ และเริ่มตีสนิทกับญาติโยมที่มาทำบุญตามวัดต่างๆ อ้างว่า มียศนายพลทหาร แต่มาบวชเป็นพระภิกษุ มีน้องชายคือ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ ยังรู้จักข้าราชการระดับสูงในจังหวัดขอนแก่น

 

อีกทั้ง สามารถฝากบุคคลเข้ารับราชการตำรวจและทหารได้ โดยมีโควต้าปีละ 2 คน โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 บาท จนมีชาวบ้านหลงเชื่อและจ่ายเงินให้ เพราะเห็นว่า เป็นพระที่น่าเชื่อถือ จึงหลงเชื่อ เมื่อนายอภิรักษ์ ได้เงินแล้ว จะย้ายไปจำวัดอื่น และหลอกลวงญาติโยมที่มาทำบุญในลักษณะเดียวกันอีก จนถูกดำเนินคดีและออกหมายจับ ต่อมาจึงได้ลาสิกขา ขาดจากความเป็นพระในพื้นที่ จ.ตาก และหลบหนีไปตามพื้นที่ต่างๆ จนมาถูกจับกุมได้ที่ อ.สวี จ.ชุมพร

จากการสืบสวนสอบสวน ทราบว่า นายอภิรักษ์ ผู้ต้องหา เคยถูกกองปราบปรามจับกุมโดยกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันมาก่อน เมื่อปี 2558-2559 ก่อเหตุในพื้นที่ จ.อ่างทอง และเมื่อพันโทษ ในปี 2564 ได้มาบวชเป็นพระและมาก่อเหตุช้ำอีก และจากการตรวจสอบเพิ่มเติม ยังพบอีกว่า มีผู้เสียหายในลักษณะคล้ายกันถูก นายอภิรักษ์ หลอก โดยเหตุเกิดในเขตพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่น 2 คดี และ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคามอีก จำนวน 3 คดี รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 500,000 บาท จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนทราบ หากทราบว่า ถูกผู้ต้องหาหลอกลวงในลักษณะเดียวกันนี้ ขอให้แจ้งมายัง สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง