เปิดใจ พ่อ-ยาย "น้องทีน" อ้วนตรึ้มกะเพราตะหลิวตัด ยันไม่ได้ทิ้งลูก!

บรรยากาศงานศพ "น้องทีน" เจ้าของร้าน อ้วนตรึ้ม กะเพราตะหลิวตัดเป็นไปอย่างโศกเศร้า พ่อยันไม่ได้ทิ้งลูก ในวันที่แยกออกมาไม่อยากให้ลูกมาลำบากด้วย มีปัจจัยหลายอย่างทำให้ติดต่อหากันยาก

บรรยากาศงานศพ  "น้องทีน" เจ้าของร้าน อ้วนตรึ้ม กะเพราตะหลิวตัด เด็กไร้บ้านสู้ชีวิต ณ วัดนินสุขาราม ศาลา 1 บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ทีมผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายชีพ พ่อของน้องทีน ยืนยันว่า ไม่ได้ทิ้งลูก แต่ในวันที่แยกออกมาไม่อยากให้ลูกมาลำบากด้วย มันมีปัจจัยหลายอย่างทำให้ติดต่อหากันยาก ส่วนใหญ่รู้ข่าวจากในโซเชียล เมื่อเห็นว่าเขามีอาชีพแล้วก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งหรือแสดงตัว กลัวจะดูไม่ดีเพราะลูกจะได้เดินด้วยตัวเองในสิ่งที่รัก

ซึ่งวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตนมาหาลูกแต่ไม่เจอ มารู้อีกทีลูกก็เข้าโรงพยาบาลแล้วตอนคุยกันผ่านไลน์ ตอนแรกก็เห็นว่าอาการดีขึ้น แต่อยู่ๆอาการทรุดและเสียชีวิตพอรู้ข่าวใจหายมาก ที่ผ่านมาตนภูมิใจและรักลูกมากอยากให้เกิดเป็นลูกอีก

ด้าน ยายแจ๋ว อายุ 63 ปี ยายของน้องทีน ระบุว่า  ตั้งแต่น้องทีนเกิดมาพ่อแม่ยังอยู่ด้วยกัน แต่ตอนหลังมีปัญหากัน ย่าก็เลี้ยงมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโตและพอย่าเสียชีวิต ยายก็ช่วยดูแลต่ออยู่พักหนึ่งก่อนจะมีคนมารับไปอุปการะ ยืนยันไม่ได้ทอดทิ้งหลาน ที่ผ่านมาตอนที่หลานป่วยเข้าโรงพยาบาลคิดว่าอาการคงจะดีขึ้นแล้วเลยไม่ได้ไปเยี่ยม เพราะต้องทำงานและดูแลคนพิการติดเตียงที่บ้านไม่ค่อยมีเวลาได้เจอกัน ต่างคนต่างทำมาหากินเลี้ยงตัวเอง ที่ผ่านมายายภูมิใจที่หลานเป็นคนขยันเลี้ยงดูตัวเอง อยากให้หลานไปสู่ภพภูมิที่ดี ไม่ต้องลำบาก และเหนื่อยเหมือนที่ผ่านมา

ส่วน นายต่อศักดิ์ รุ่งทอง คนที่ดูแลน้อง กล่าวว่า เมื่อวานที่อยู่ด้วยกันน้องเค้าหมดแรงและหมดสติไปรอบหนึ่งแล้ว เลยแจ้งพยาบาลว่าขอ ไปซื้อเกลือแร่ให้น้องได้ไหมก็เลยไปซื้อน้ำเกลือแร่มาให้ดื่ม แล้วน้องก็พอคุยได้อะไรได้ พอหลังจากนั้นน้องก็อ้วกอีกสองครั้งแล้วก็หมดสติ มารู้อีกทีก็ที่ว่าเริ่มทำการปั๊มหัวใจน้องและไม่ตอบสนอง และไม่สามารถให้ยาอะไรได้ 

เด็กคนนี้ให้ทำอะไรก็ทำได้หมด ขอให้แค่ได้ทำเพื่อแลกข้าวหนึ่งจาน แต่ที่ผมมาเปลี่ยนนิสัยน้องเขา คอยด่าเขาคอยเตือนเขา เพราะชีวิตเขาต้องเดินต่อไปไม่ใช่เพื่อทำเพื่อแลกข้าวหนึ่งจาน ผมบอกเค้าทุกครั้งเลยว่าอย่าท้อและอย่าไปสนใจสายตาคนอื่นเค้าจะยังไงก็แล้วแต่ เอ็งไม่ได้ไปปล้นเขา จะขายของได้เท่าไหร่ก็ทำไปได้ไม่ได้ก็ทำไปขอให้เพียงแค่ทำและลงมือทำ ในส่วนที่เค้าดังเพราะผมอยากให้เค้าดังเพราะอยากให้พ่อแม่เค้ามาเกาะกระแสเขาจะได้เจอและได้พบเจอกัน 

สำหรับปัญหาเรื่องโลงศพและการหาวัดที่ฌาปนกิจน้อง ที่ต้องหากันถึง3วัด ทีมผู้สื่อข่าว ได้ผู้คุยกับ นายเล็ก เกิดน้อย อายุ 42 ปี หัวเจ้าหน้าที่วัด และ นายกฤษฎา พงศ์พานิช อายุ 54 ปี แอดมินเพจ ของดีบางแค  

โดยนายกฤษฎา อายุ 54 ปี แอดมินเพจ ของดีบางแค กล่าวว่า โดยก่อนหน้านี้จะนำร่างน้องไปไว้ที่วัดนินมานรดี ซึ่งอยู่ใกล้บ้านน้องมากที่สุด แต่เนื่องด้วยว่าน้ำหนักตัวของน้อง 210 - 220 และโลงมีขนาดใหญ่ เลยทำให้ไม่สามารถ เข้าเตาเผาได้ แต่ปรากฏว่าการทำงานจะทำให้ยากลำบากต่อการเผาก็เลยเลื่อนไปขอวัดม่วงบางแค เพื่อทำการฌาปนกิจ แต่เนื่องด้วยวัดม่วงเคยมีการซ่อมเตาเผามาแล้วกลัวว่าเตาจะไม่แข็งแรงโดยการเผาร่างน้องก็เลยเลื่อนมาที่วัดนินสุขาราม 

นายเล็ก อายุ 42 ปี หัวเจ้าหน้าที่วัด เผย เคยมีการเผาศพที่มีขนาดน้ำหนักตัวเยอะขนาดนี้มาแล้ว และก่อนหน้านี้ทางวัดได้เคยเผาศพโดยใช้ระยะเวลาในการเผานานนานจึงมั่นใจว่าทางวัดสามารถเผาศพของน้องได้ ในส่วนการเผาศพของน้องคาดว่าจะใช้เวลา 3 - 4 ชั่วโมง จึงมั่นใจว่าทางวัดสามารถเผาร่างน้องได้หมด ในส่วนปัญหาในการยกร่างน้องเข้าโรงตัวน้องนั้นมีขนาดใหญ่และน้ำหนักเยอะซึ่งต้องใช้คนในการยกร่างน้องประมาณ 10 กว่าคน

ภาพจาก TNN ช่อง 16