"นภินทร" ยันรัฐบาลเร่งบุกตลาดส่งออกผลไม้ไทย ไปจีน-อินเดีย

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีฝ่ายค้านแนะนำให้เปิดตลาดใหม่ ๆ หลังนายกรัฐมนตรีไลฟ์ขายทุเรียน ว่า จากข้อมูลพบว่าการค้าขายเกิดในช่องออนไลน์มากกว่า 70 % และการขายแบบออฟไลน์ 30 % ดังนั้นการไลฟ์มีประโยชน์ เช่นที่ตนเองได้เดินทางไปเมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน การไลฟ์ขายทุเรียนไทย ก็มีคุณภาพ ไม่อ่อนมีวันตัดทุเรียน มีการวัดแป้ง ให้เขามั่นใจว่าทุเรียนไทยไม่อ่อน ไม่มีหนอนและวัชพืชต่าง ๆ รวมทั้งไม่มีทุเรียนจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวนสิทธิทุเรียนจากประเทศไทย และไม่มีการตกค้างของทุเรียนหรือผลไม้เมืองร้อน เป็นอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งเราคัดเกรดที่ดีที่สุดมาส่งออกไปยังจีน เพื่อให้ได้รับบริโภคผลไม้เมืองร้อนที่ดีที่สุดในโลก โดยจากการไลฟ์ผ่านแพลตฟอร์มเหอหมาน ยอดการขายเพิ่มขึ้น 20 % ดังนั้นการที่นายกรัฐมนตรีไลฟ์ขายทุเรียน อาจจะไม่ได้ทำให้ยอดการขายเพิ่มขึ้นแต่การไลฟ์เป็นการสื่อให้ประชาชนรับทราบว่าช่วงนี้ผลไม้ไทยออกผลผลิต และรณรงค์ให้ประชาชนบริโภค ดังนั้นใครที่มาตำหนินายกรัฐมนตรี ส่วนตัวมองว่าคลาดเคลื่อน อย่าเอาเรื่องหยุมหยิมมาพูดพูดคุยกันดีกว่า
ส่วนที่มีการตั้งเป้าว่าปีนี้จะมีการส่งออกทุเรียนมากกว่า 10,000 ล้านตัน นายนภินทร กล่าวว่า ทุเรียนไทย ปี 67 ออกมา 1,200,000 ตัน ส่งออกรวมแล้ว 950,000 ล้านตัน บริโภคในประเทศประมาณ 320,000 ล้านตัน ปีนี้ดินฟ้าอากาศที่ดีพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น ทำทุเรียนเพิ่มขึ้น 300,000 ล้านตัน เชื่อว่าการบริโภคในประเทศจะเพิ่มขึ้นไม่มาก ดังนั้น การส่งออกจึงเป็นเรื่องสำคัญ การที่กระทรวงพาณิชย์บุกตลาดจีน ตามที่ตนเองได้เดินทางไปนั้น ทุกมณฑลที่ตนเองเดินทางไปมีความต้องการทุเรียนสูงมาก เพียงแต่จะทำอย่างไรให้ทุเรียนไทยเข้าสู่ตลาดเขาให้เร็วที่สุด ไม่ติดด่าน ซึ่งได้ประสานงาน ขณะนั้นมีปัญหาเรื่องการตรวจ 100 % ของด่านไทยและด่านจีนซึ่งอาจติดขัดจึงประสานไปยังล้ง เอาดิน น้ำ กล่อง มาตรวจ ทำให้พบว่ากล่องมีความเข้มของสารบีวายทู 130 กว่าต่อกิโลกรัม ซึ่งมาตรฐานของจีนอยู่ที่ 2 ไมโครกรัม เท่านั้นจึงได้เก็บตัวอย่างทุกล้งมาตรวจ และ ได้มีการประสานสภาอุตสาหกรรมให้รับรองกล่องที่ได้มาตรฐาน ให้ใช้กล่องที่มีคุณภาพ และการตรวจที่ด่านจีนไม่พบสารบีวายทูอีกเลย รวมถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการเจรจากับกรมศุลกากรจีนให้มีการผ่อนปรนการตรวจสารบีวาย เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตอนนี้ทุเรียนไทยที่ส่งไปไปยังจีนใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน เท่านั้นเอง ดังนั้นจึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ดังนั้นจึงเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาทุเรียนล้นตลาด และสามารถส่งออกไปยังประเทศจีนได้ตลอดจนผลไม้อื่น ๆ ที่จีนชื่นชอบในผลไม้ของไทย
พร้อมกันนี้ นายนรินทร ยังระบุอีกว่า การส่งออกไปยังอินเดีย เราพยายามบุกตลาดอยู่ ซึ่งอินเดีย นโยบายของรัฐบาลปกป้องเกษตรกรของอินเดีย ดังนั้นการนำเข้าสินค้าเกษตรจึงค่อนข้าง ลำบาก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ประสานงาน และสามารถส่งลำไยได้เบื้องต้น ซึ่งได้มีการชี้แจงไปว่าสินค้าของประเทศไทยเป็นสินค้าพรีเมียม ดังนั้นผลไม้อื่น ๆ ของไทยอยู่ระหว่างการพยายามประสานต่อ