'สภาดิจิทัล' แนะ 3 ด้านดันไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
เวลา 09.20 น. วันที่ 21 ตุลาคม ที่ห้องแกรนด์ฮอล์ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก (เพลินจิต) ดร.วีระ วีระกุล รองประธานและประธานพันธกิจด้านการเป็นศูนย์รวมนวัตกรรมของโลก สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย บรรยายพิเศษ เศรษฐกิจดิจิทัล ในงานสัมมนา เศรษฐกิจดิจิทัล พลิกฟื้นประเทศ จัดโดยบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ว่า พันธกิจของสภาดิจิทัล คือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม เพราะปัจจุบันมีคนไทยจำนวนไม่น้อยไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี ตัวอย่างโควิด-19 คือตัวเร่งดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ อย่างการช่วยเหลือของภาครัฐก็ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ตอนนี้ต้องดูว่า ไทยอยู่อันดับเท่าไรในแง่ดิจิทัล เพื่อพัฒนาดิจิทัลอีโคโนมีได้ ต้องรู้จุดแข็ง-จุดอ่อน
ปัจจุบันดิจิทัลเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ถ้าทำวันนี้จะได้เทคโนโลยีล่าสุดวันนี้ องค์ประกอบที่ไทยต้องมีคือความรู้ ในแง่เทคโนโลยี และความพร้อมของประชาชน ธุรกิจ และรัฐบาลในการรับแต่ต่อยอด ยกตัวอย่างหากรัฐบาลประกาศว่าวันที่ 1 มกราคม 2026 ธุรกรรมที่ทำกับภาครัฐจากกระดาษจะเป็นดิจิทัลทั้งหมด จะเป็นการปลุกทุกส่วนอย่างรุนแรงให้เข้าสู่ดิจิทัล
ไทยต้องก้าวสู้ประเทศผู้ผลิตเทคโนโลยีไม่ใช่ประเทศผู้บริโภคเทคโนโลยี อยากถามว่ามีใครรู้จักมือถือที่ผลิตโดยคนไทยบ้าง ซึ่งปัจจุบันเราต้องพัฒนาส่วนนี้ให้ได้ ขณะที่ ซอฟแวร์ต่างๆคนมักนึกถึงต่างประเทศ แต่จริงๆแล้วมีแพลตฟอร์มของไทยไม่น้อยกว่าร้อยบริษัท หน้าที่ของสภาฯยกศักยภาพบริษัทเหล่านี้ให้ทัดเทียบต่างชาติ ขณะที่ ด้านการพัฒนาคนเพื่อป้อนอุตสาหกรรมนี้ ก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน ตัวอย่างนักศึกษาจบด้านการวิจัยแต่ไม่ได้ทำงานด้านนี้
ทั้งนี้ การจะพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดิจิทัลอีโคโนมี สำหรับประเทศไทยให้ประสบความสำเร็จในอนาคต สภาฯมองว่าควรมี 3 องค์ประกอบหลัก คือ ต้องเชิญชวนผู้พัฒนาเข้ามาลงทุนในประเทศไทย บริษัทระดับโลกต่างๆ ซึ่งเกณฑ์ตัดสินใจคือ ภาษีเงินได้บุคคล และภาษีเงินได้นิติบุคคล เรื่องนี้ภาครัฐต้องพิจารณาเทียบกับประเทศอื่นที่ดึงดูดการลงทุนเช่นกัน นอกจากนี้ต้องพัฒนาสตาร์ตอัพไทย ปัจจุบันเอกชนมีการตั้งกองทุนสนับสนุน
นอกจากนี้ ต้องพัฒนาคนให้เข้าใจในการทำธุรกิจ รู้จักลูกค้า คู้ค้า ต่อมาคือเทคนิคัลสกิล ไม่ใช่แค่โปรแกรมเมอร์แต่ต้องใช้เทคโนโลยีเป็น และอนาเลติกสกิล คือการรู้วิเคราะห์และทักษะ ต้องฟังเป็น พูดเป็น สื่อสารเป็น ตอนนี้ระดับการใช้งานดิจัทัล เปิดปิดเครื่องมือได้ ไทย 25% ส่งเมลได้ 15% ทำพาวเวอร์พอยต์ได้ ครีเอทได้ 9% และสามารถเขียนโปรแกรมได้ 1% ดังนั้น ไทยต้องพัฒนา
ล่าสุดสภาดิจิทัลจะสร้างแฟลตฟอร์มสาธารณะ เมื่อให้ความรู้ประชาชน ใช้ชีวิต เรียนรู้ และมีเอกชนช่วย และเสนอเปลี่ยนการเรียนใหม่จากการเรียนในห้องเป็นสหศึกษา รวมทั้งขอความร่วมมือกับภาคเอกชนอื่น ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยช่วย
และสุดท้าย อยากให้รัฐ เอกชน ตั้งโจทย์ และให้นักศึกษาเป็นสตาร์ตอัพ เรามี 5,000 โครงการ โครงการละ 10 คน ตั้งโจทย์ที่เป็นไปได้ เมื่อสร้าง 5,000 บริษัท ถ้ารอดแค่ 50 บริษัทเกิดสตาร์ตอัพได้ก็ดีแล้ว
นอกจากนี้ ภาครัฐต้องแปลงข้อมูล เน้นกระทรวงที่เป็นอนาล็อก ใช้กระดาษ ให้คนอ่าน ในด้านโรงพยาบาลการแปลงกระดาษสู้ดิจิทัลจะมีช่องทางอีกมหาศาล เป็นการใช้ประโยชน์จากดิจิทัล ต้องแปลงดาต้าอนาล็อกสู้ดิจิทัล
และสุดท้ายนี้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องบูรณาการขับเคลื่อนประเทศ รัฐ เอกชน ประชาชนต้องร่วมมือ ใช้จังหวะโควิดตอนนี้ การทำให้ดิจิทัลยั่งยืนเป็นโครงสร้างที่สำคัญ ไม่อยากให้มีนโยบายแค่มีบิ๊กดาต้าในภาคราชการ เพราะต่างคนต่างทำ ดังนั้น ต้องมีผู้นำเบอร์ 1 แต่ละด้านร่วมมือกัน โครงสร้างนี้ทำยังไงให้โปร่งใส โครงสร้างนี้ขับเคลื่อนยังไง ต้องเอาโครงสร้างสมัยใหม่มาใช้ มีการชี้วัดผลคุณภาพไม่ใช่ปริมาณ