สภาดิจิทัลฯ ร่วม 3 ค่ายมือถือ ออกซิม 4 Mbps 400 บาทใช้ได้ 3 เดือน หนุนเรียนออนไลน์
กรุงเทพฯ – ‘สภาดิจิทัลฯ’ ผนึกพันธมิตร 3 ค่ายใหญ่ นำเทคโนโลยีดิจิทัลช่วยเหลือคนไทย และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19
31 มีนาคม 2563 นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สภาดิจิทัลฯ ตระหนักถึงสภาวะวิกฤตจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ภาคการศึกษา และภาคธุรกิจต่าง ๆ จึงผนึกกำลังภายในสมาชิกของสภาดิจัลฯ และองค์กรภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม นำนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และการสื่อสารที่ครอบคลุมระบบนิเวศดิจิทัลครบวงจร มาสนับสนุนคนไทยให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ด้านโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ที่เป็นปัจจัยพื้นฐานของดิจิทัล ซึ่งผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 3 ค่าย ได้แก่
บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) และ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมใจสนับสนุนมาตรการภาครัฐ เพื่อให้นักเรียน-นักศึกษาเรียนหนังสือจากที่บ้าน (Learn from Home) ได้อย่างสะดวก ไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่าย โดยจัดซิมการ์ดพิเศษในราคาต่ำกว่าต้นทุนไม่คิดกำไร พร้อมแพ็กเกจพิเศษให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือความเร็ว 4 Mbps. แบบไม่ลดสปีด และไม่จำกัดปริมาณการใช้งาน ใช้ได้นาน 3 เดือน (นับตั้งแต่วันที่เริ่มเปิดใช้บริการ) ในราคา 400 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 เป็นต้นไป ตลอดช่วงวิกฤตโควิด-19
โดยสามารถแสดงบัตรประชาชน พร้อมบัตรนักเรียน นักศึกษา เพื่อติดต่อขอรับซิมได้ สำหรับ’เอไอเอส’ รับได้ ณ ศูนย์บริการของแต่ละเครือข่าย ได้แก่ AIS Shop, ร้านเทเลวิซและร้าน AIS Buddy ทุกสาขาทั่วประเทศ เครือข่ายทรู ติดต่อได้ที่ ร้านทรูช็อป แล ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น ทุกสาขาทั่วประเทศ ส่วน’ดีแทค’ ประสานงานได้ที่ คอลเซ็นเตอร์ 1678 รวมถึงหากสถาบันการศึกษาใดสนใจที่จะจัดซิมหรือแพ็กเกจให้บุคลากรหรือนักเรียน นักศึกษา สามารถติดต่อได้ที่คอลเซ็นเตอร์ของผู้ให้บริการแต่ละรายได้ด้วย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบการใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือ ดาต้า ในช่วงที่มีการ Work from Home ของประชาชน หรือการเรียนที่บ้าน Learn from Home พบว่ามีอัตราการใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้น 15-20% จากการสอบถามผู้ประกอบการทุกค่าย โดยปกติช่วงเวลาที่มีการใช้งานสูงสุดจะอยู่ที่ 18.00-20.00 น. แต่ปัจจุบันในช่วงเวลากลางวันมีการใช้งานเพิ่มมากขึ้นด้วย
นายศุภชัย เจียรวนนท์ กล่าวต่อว่า ด้านดิจิทัล โซลูชัน สภาดิจิทัลฯ ร่วมกับพันธมิตรองค์กรต่าง ๆ พัฒนาโซลูชันและแพลตฟอร์มที่มีประโยชน์ต่อการควบคุมโรค เพื่อเฝ้าระวังตนเองและครอบครัวให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อ อันได้แก่ โซลูชันการติดตามการติดเชื้อย้อนหลังเพื่อการควบคุมการแพร่กระจายเชื้อโรค ประกอบด้วย แอปพลิเคชัน “Self D-care Heatmap” : ระบบติดตามตำแหน่งการเดินทางของผู้มีความเสี่ยงติดเชื้อ COVID-19 ในช่วงระยะเวลา 14 วันย้อนหลัง ซึ่งสามารถดูไทม์ไลน์ของตัวเองย้อนหลังได้ อีกทั้งผู้ที่อยู่ในระหว่างการรักษา ยังสามารถบันทึกข้อมูลการรักษาและการตรวจสภาพร่างกายเพื่อให้แพทย์เจ้าของไข้ใช้ในการเฝ้าดูและติดตามผลการรักษาได้ด้วย และแพลตฟอร์ม “uSAFE” : แพลตฟอร์มคำนวณความเสี่ยงว่ามีโอกาสติดเชื้อ COVID-19 หรือไม่ โดยอาศัยการคำนวณระยะห่างจากผู้ติดเชื้อและระยะเวลาที่อยู่กับผู้ติดเชื้อ ด้วยการใช้ AI ประมวลผลย้อนหลัง 14 วัน รวมไปถึง แอปพลิเคชัน “QR Checkin” : ระบบติดตามประวัติการเดินทางของผู้ป่วย COVID-19 ว่าไปสถานที่ใดบ้าง โดยใช้การสแกน QR Code เพื่อเก็บข้อมูล
นอกจากนี้ ยังมีโซลูชันเพื่อการจัดการอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ โซลูชัน “Ordering & Distribution of Medical Supply” : โซลูชันเพื่อจัดการการจัดซื้อและแจกจ่ายที่ครบวงจร ตั้งแต่การลงทะเบียน การจัดซื้อ การขนส่ง การเก็บข้อมูล แสดงผลรายงานผลแบบ real-time dashboard เพื่อสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข และ “Central Donation Platform” : แพลตฟอร์มระหว่างผู้บริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์และสถานพยาบาล เพื่อกระจายอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ประชาชนบริจาคไปยังสถานพยาบาลต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงช่องทางการรับบริจาคให้ตรงกับความต้องการของแต่ละโรงพยาบาลผ่าน helpital.com ซึ่งกำลังจะเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้ รวมไปถึงโซลูชันด้านสุขภาพของผู้สูงวัย ได้แก่ แอปพลิเคชัน “แทนคุณ” : แพลตฟอร์มที่เป็นศูนย์รวมบริการผู้สูงอายุที่ต้องอยู่บ้านในสถานการณ์เช่นนี้ เป็นเสมือนให้เราดูแล “แทนคุณ” ซึ่งจะครอบคลุมการดูแลและช่วยเหลือผู้ป่วยและผู้สูงอายุ โดยบุคลากร ทั้งพยาบาลวิชาชีพ ผู้ช่วยพยาบาล นักกายภาพบำบัด และผู้ช่วยเหลือคนไข้ จากผู้ให้บริการมืออาชีพแทนคุณ ซึ่งยังครอบคลุมถึงรถแท็กซี่ รถแอมบูแลนซ์ และระบบ Telemedicine
ด้านข้อมูลข่าวสาร จะรวบรวมและเรียบเรียงข้อมูล ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในสถานการณ์โควิด-19 ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ โดยมีข้อมูลหลากหลายด้าน อาทิ ไลฟ์สไตล์ การศึกษา สุขภาพ และการทำงาน ครอบคลุมทุกช่วงวัย ทั้งวัยเรียน วัยทำงาน ผู้สูงอายุ และบุคคลทั่วไป และเผยแพร่ผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ เว็บไซต์ covid-19.dct.or.th, เฟสบุ๊ค: Digital Council of Thailand – DCT และรายการในช่อง TNN รวมถึงพัฒนาเว็บไชต์ www.dct.co.th ให้เป็นศูนย์รวมแอปพลิเคชัน สำหรับการประชุมและเรียนออนไลน์ ได้แก่ Zoom, Google Hangouts, Skype, Line, FaceTime, Facebook Messenger, Microsoft Team และ True VWORLD ตลอดจนรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์เกี่ยวกับ COVID-19
ประธานสภาดิจิทัล กล่าวด้วยว่า สำหรับนโยบายกฎหมาย จะผลักดันเรื่องการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกกฎหมาย โดยประกาศแนวทางปฏิบัติสำหรับประชาชนทั่วไป และแนวทางการดำเนินการของสภาฯ อีกทั้งยังมีข้อเสนอต่อรัฐบาลขอให้พิจารณาปรับปรุงกฎหมายอุปสรรคต่อมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่น การกำหนดให้ต้องมีผู้ร่วมประชุม 1 ใน 3 ขององค์ประชุมต้องอยู่ในที่ประชุมเดียวกัน เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความจำเป็นในปัจจุบัน