เขื่อนเจ้าพระยาล่าสุด หาก 10 วัน “ฝนลดลง” สถานการณ์ระบายน้ำดีขึ้น

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เผยภาพรวมการจัดการน้ำช่วงปลายฤดูฝนปีนี้ พร้อมเตรียมพร่องระบายน้ำจากเขื่อนต่าง ๆ เพื่อควบคุมปริมาณน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและพื้นที่กรุงเทพมหานคร-ปริมณฑลอย่างเหมาะสม

นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการ สทนช. ระบุว่า ปีนี้ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากพายุที่พาดผ่านแต่ไม่เข้าประเทศโดยตรงประมาณ 6 ลูก ส่งผลให้ฝนตกหนักในภาคเหนือมากกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ 8 น้อยกว่าปี 2554 ที่เกินค่าเฉลี่ยร้อยละ 24 ทำให้ประชาชนคลายความกังวลเกี่ยวกับน้ำท่วมกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้ โดยพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยยังคงอยู่บริเวณลุ่มน้ำยมเชื่อมต่อลุ่มน้ำน่านที่ทุ่งบางระกำใน จ.พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ และพื้นที่นอกคันกั้นน้ำใน จ.พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง

สำหรับการบริหารจัดการน้ำ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการพร่องระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ตั้งแต่เดือนมกราคม เพื่อรองรับน้ำหลากช่วงฤดูฝน หากพายุ “แมตโม” ผ่านไปและปริมาณฝนลดลง คาดการณ์ภายใน 10 วัน การระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาจะอยู่ที่ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที พร้อมปรับลดการระบายน้ำท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ส่งผลให้กรุงเทพฯ และปริมณฑลสามารถรองรับปริมาณน้ำช่วงน้ำทะเลหนุนสูงได้

รองเลขาธิการ สทนช. ย้ำว่าการพร่องน้ำจากเขื่อนต่าง ๆ จะอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม เช่น เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์จะระบายน้ำรวมกันประมาณ 40 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมการระบายน้ำในเขื่อนเจ้าพระยา จ.นครสวรรค์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงน้ำท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำในช่วงปลายฤดูฝน