ศาสนสถานในมาเลย์ต้นเหตุติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มใหญ่
ศาสนสถานกำลังกลายเป็นจุดที่ทำให้เกิดการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด 19 ในหลายพื้นที่ของโลก จากการที่ประชาชนไปรวมตัวการเพื่อประกอบพิธีทางศาสนากันอย่างแออัด กรณีล่าสุดเกิดขึ้นกับมัสยิดที่มาเลเซีย และอาจจะนำไปสู่การแพร่ระบาดในประเทศอื่นด้วย
มาเลเซียกำลังเผชิญการระบาดครั้งใหญ่ของโรคโควิด 19 จนนำไปสู่การสั่งปิดประเทศห้ามผู้ใดเข้าและออก เพื่อควบคุมการแพร่เชื้อ
จุดที่นำไปสู่การติดเชื้อจำนวนมากในมาเลเซียมาจากการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่มัสยิดศรี เปตาลิง ชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งในช่วงระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคมที่ผ่านมา มาชาวมุสลิมราว 16,000 คน ในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติ 1,500 คน
ขณะที่มาเลเซียมีผู้ติดเชื้อโควิด 19 แล้ว 673 คน ในจำนวนนี้ สองในสาม มีความเชื่อมโยงกับการประกอบพิธีของมัสยิดศรี เปตาลิง และจนถึงขณะที่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าใครคือผู้นำเชื้อไวรัสโควิดมาแพร่ระบาด
สำนักข่าวรอยเตอรส์ได้สัมภาษณ์ผู้ที่เข้าร่วมพิธีและติดตามาภาพถ่ายรวมถึงวีดีโอของเหตุการณ์ 4 วันดังกล่าว และพบว่า ผู้แสวงบุญสวดมนต์โดยนั่งชิดติดกัน มีการจับมือกัน รวมถึงแบ่งปันอาหารให้กันและกัน
ทั้งนี้พิธีกรรมดังกล่าวจัดโดยกลุ่มเผยแพร่ศาสนาอิสลาม Tablighi Jama'at และทางกลุ่มได้ประกาศระงับกิจกรรมเผยแพร่ศาสนาทั้งหมดไปแล้วแต่ไม่มีการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่มัสยิดศรี เปตาลิง ในขณะที่รัฐบาลมาเลเซียสั่งปิดมัสยิดทั้งหมดทั่วประเทศเป็นเวลาสองสัปดาห์ แต่ยังเกิดความกังวลเพราะมีผู้ร่วมงานดังกล่าวเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่มาแสดงตนเพื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อ จึงทำให้ทางการมาเลเซียคาดว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงอาจมีมากกว่านี้
ด้านบรูไน ยืนยันพบผู้ติดเชื้อประมาณ 56 ราย โดย 50 รายนั้นเกี่ยวเนื่องกับการไปร่วมพิธีที่มัสยิดศรี เปตาลิง ขณะที่สิงคโปร์พบผู้ติดเชื้อ 5 รายที่ไปร่วมกิจกรรมเดียวกัน และกัมพูชาพบ 13 ราย ไทยพบ 2 ราย ในขณะที่ชาติอื่นๆทั้ง เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย กำลังตรวจสอบเช่นกันเพราะมีพลเมืองเกือบ 700 คนไปร่วมพิธีดังกล่าวด้วย
สถานการณ์ดังกล่าสจึงทำให้ทั้งผู้จัดงานและทางการมาเลเซียถูกวิจารณ์อย่างหนักที่ปล่อยให้มีการจัดกิจกรรมทางศาสนาขนาดใหญ่เช่นนี้ ในช่วงเวลาที่ตอนนั้น มีการระบาดของโรคหนักแล้วที่อิตาลี และอิหร่าน และก่อนหน้านี้ก็มีกรณีตัวอย่างจากโบสถฺชินชอนจีที่เมืองแทกูของเกาหลีใต้ จนนำไปสู่การแพร่ระบาดครั้งใหญ่ด้วย
นายบิลาฮารี เคาสิกัน นักการทูตของสิงคโปร์ระบุว่า เหตุการณ์นี้ที่กัวลาลัมเปอร์อาจทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในภูมิภาคเพิ่มสูงขึ้น และถือเป็นความไม่รับผิดชอบของทางการมาเลเซียที่ปล่อยให้มีการจัดงานแบบนี้ขึ้น
ทั้งนี้ช่วงเวลาที่มีการจัดงานดังกล่าว มาเลเซียกำลังเผชิญความวุ่นวายทางการเมือง เพราะนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัดลาออก และเกิดการช่วงชิงอำนาจกันต่อเนื่องจนได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ชื่อมูห์ยิดดิน ยัสซิน ซึ่งเข้าพิธีสาบานตนในวันที่ 13 มีนาคม โดยในช่วงก่อนหน้านี้ ชาวมาเลเซียได้รับคำแนะนำจากกระทรวงสาธารณสุขเพียงแค่ว่า ให้เลี่ยงการไปในที่ชุมนุมชน
ผู้ที่ไปร่วมกิจกรรมของมัสยิดหลายคนระบุว่า พวกเขาไปร่วมพิธีเพราะเห็นว่าตอนนั้นสถานการณ์ของมาเลเซียยังควบคุมได้ และพวกเขาก็ผิดหวังที่ถูกหลายฝ่ายตำหนิอย่างไม่เป็นธรรม ที่เป็นต้นเหตุของการระบาดใหญ่ เพราะอันที่จริงแล้ว ทางการควรสั่งห้ามการรวมตัวของคนหมู่มาก ในขณะที่บางคนยังไม่ยอมไปตรวจคัดกรองเชื้อ โดยเชื่อว่าจะไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้าที่จะช่วยปกป้องพวกเขาด้วย
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand