สรุปดรามา “เทศบาลปรับคนขายไก่ย่าง” 1.5 แสนบาท ใครผิด - ใครถูก?

ต้นเรื่อง : คนขายไก่ย่างหน้าบ้าน ถูกปรับกว่า 1.5 แสนบาท จุดกระแสวิจารณ์ทั่วโซเชียล
กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ เมื่อมีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์เจ้าหน้าที่เทศบาลนครปากเกร็ด เข้าตรวจสอบและสั่งปรับร้านขายไก่ย่างรายหนึ่งเป็นเงินกว่า 159,000 บาท โดยให้เหตุผลว่า “ตั้งร้านค้าบนพื้นที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งข่าวที่กระจายออกไปในตอนแรกคือการตั้งของขายหน้าบ้าน
คำชี้แจงจากพ่อค้าไก่ย่าง
พ่อค้าระบุว่า ตนขายไก่ย่าง ไม่ได้กีดขวางทางสัญจรหรือก่อความเดือดร้อน ไม่ได้มีการปิ้งย่างในบ้านแต่ใช้พื้นที่ในการเสียบไม้ เตรียมวัตถุดิบ ก่อนจะนำไปขายในล็อกที่เช่าไว้ย่านวิภาวดี เรื่องนั้นเกิดขึ้นมาจากลูกจ้างของตนเองที่บ้านอยู่ติดกันมีเรื่องกับเพื่อนบ้าน จนนำไปสู่การร้องเรียนเทศบาล ว่าบ้านของตนนั้นขายไก่ย่างสร้างความรบกวน ซึ่งพ่อค้าระบุว่าหลังจากเทศบาลลงมาตรวจสอบได้มีการล้างบ่อดักไขมัน มีตู้ปิดทึบเพื่อใส่วัตถุดิบ ปรับปรุงตามที่ได้รับการตักเตือนแล้ว
เสียงสะท้อนจากสังคม : เห็นใจพ่อค้า หรือ กฎหมายต้องมาก่อน
ผู้ใช้สื่อสังคมจำนวนมากแสดงความคิดเห็นแตกเป็นสองฝ่าย โดย ฝ่ายเห็นใจพ่อค้า มองว่าเป็นอาชีพสุจริต หาเช้ากินค่ำในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง การลงโทษด้วยค่าปรับสูงถึงหลักแสนถือว่ารุนแรงเกินไป ขณะที่อีกฝ่ายก็ระบุว่าการบังคับใช้กฎหมายเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรักษาความเป็นระเบียบ และ สุขลักษณะ เสียงวิพากษ์ทั้งสองด้านทำให้ดรามานี้ขยายวงกว้าง กลายเป็นประเด็นถกเถียงระดับประเทศว่ากฎหมายควร “เข้มงวดแค่ไหน” เมื่อเกี่ยวพันกับชีวิตของประชาชนตัวเล็ก
คำชี้แจงจากเทศบาล : ไม่ได้ปรับเกินเหตุ ทุกอย่างมีที่มา
ภายหลังดรามาลุกลาม เทศบาลนครปากเกร็ดได้ออกมาชี้แจงผ่านรายการโหนกระแสว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นไปตาม ข้อบัญญัติท้องถิ่นว่าด้วยการใช้พื้นที่สาธารณะและการควบคุมกิจการที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้งผู้ค้าแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่เทศบาลเผยว่า พ่อค้าไก่ปิ้งในพื้นที่ถูกตรวจพบว่าใช้บริเวณหน้าบ้านล้างภาชนะและจำหน่ายอาหารโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งเข้าข่าย “ประกอบกิจการที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ” ตาม พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 38 และ 72
ทั้งนี้ เทศบาลระบุว่าได้มีการ แจ้งเตือนและสั่งให้หยุดกิจการหลายครั้งตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งปี แต่ผู้ค้ากลับยังคงเปิดร้านขายตามปกติ จึงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นทางการ
อัตราค่าปรับ คิดตามกฎหมาย ไม่ได้ตั้งตัวเลขเอง
เทศบาลได้ชี้แจงโครงสร้างการคิดค่าปรับโดยละเอียด โดยรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 159,000 บาท แบ่งเป็น 3 ฐานความผิด ดังนี้
1. ประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 37,500 บาท
2. ฝ่าฝืนคำสั่งให้หยุดกิจการ ปรับ 37,500 บาท
3. ฝ่าฝืนคำสั่งต่อเนื่องรายวัน ปรับวันละ 3,000 บาท เป็นเวลา 28 วัน รวม 84,000 บาท
รวมทั้งหมด: 159,000 บาท
เทศบาลยืนยันว่า การกำหนดอัตราปรับดังกล่าวเป็นไปตาม มติคณะกรรมการเปรียบเทียบคดีระดับจังหวัด ซึ่งเป็นกระบวนการทางกฎหมาย ไม่ใช่การตั้งค่าปรับตามอำเภอใจของเจ้าหน้าที่
เทศบาลยืนยันทำตามหน้าที่ ไม่ใช่กลั่นแกล้งประชาชน
เทศบาลนครปากเกร็ดชี้ว่า เงินค่าปรับทั้งหมดเป็น “เงินของแผ่นดิน” ไม่มีส่วนใดเข้าสู่กระเป๋าของเจ้าหน้าที่ อีกทั้งยังระบุว่า หากหน่วยงานละเว้นไม่ดำเนินการตามกฎหมาย อาจถูกสอบสวนในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้เช่นกัน
เจ้าหน้าที่เน้นว่า การดำเนินการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อจัดระเบียบพื้นที่สาธารณะ และรักษามาตรฐานด้านสุขาภิบาลในชุมชน ซึ่งเทศบาลได้มีแผนเตรียมหาพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้ผู้ค้ารายย่อยในอนาคต เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
