ผู้เชี่ยวชาญชี้ “โควิดสหรัฐฯ” ใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว

วันนี้ ( 15 ก.ย. 64 )จากสถิติเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อเฉลี่ย 7 วัน อยู่ที่วันละ 172,000 คน ซึ่งพบว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อนั้นกำลังช้าลง และพบผู้ติดเชื้อลดน้อยลงในหลายรัฐ .. แต่ก็ยังคงมีรายงานผู้เสียชีวิตวันละกว่า 1,800 คน และมีผู้ป่วยอาการหนักรักษาตัวในโรงพยาบาลเกิน 100,000 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่ต้องเผชิญความท้าทายอย่างหนักในการโน้มน้าวให้มีชาวอเมริกันออกมารับวัคซีนกันมากขึ้น ท่ามกลางกระแสข้อมูลเท็จที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนปัญหาทางการเมือง

ภักดี ฮันซอติ ผู้ช่วยศาตราจารย์การแพทย์ฉุกเฉนแห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอพกินส์ ระบุว่า แนวโน้มของสหรัฐฯคล้ายคลึงกับที่ประเทศอินเดีย เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศในแถบยุโรปตะวันตก ที่พบว่ายอดติดเชื้อไวรัสเดลตา กำลังลดลง แต่เธอก็ยังแสดงความกังวลต่อว่า เมื่อฤดูกาลนี้จบลง และฤดูหนาวเข้ามาแทนที่ อาจทำให้มีการรวมตัวในอาคารปิดมากขึ้น และนำมาสู่การติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น นอกเสียจากว่าเราจะได้เรียนรู้บทเรียนจากการระบาดที่ผ่าน ๆ มา 

แองเกลา รัสมุสเซน นักระบาดวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยซัสคัทเชวัน ประเทศแคนาด กล่าวว่า เธอยังไม่แน่ใจว่าการระบาดอบ 4 ของสหรัฐฯจะจบลง เพราะแม้ดูเหมือนกราฟจะเป็นขาลง แต่ก็อาจผงกหัวขึ้นได้อีก นอกจากว่าจะเร่งเดินหน้าฉีดวัคซีนให้มากขึ้น

ปัจจุบันสหรัฐฯ ฉีดวัคซีนให้ประชาชนวัย 12 ปี ขึ้นไป ครบ 2 เข็มแล้ว 63.1% และคิดเป็นสัดส่วน 54% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ต่ำกว่า โปรตุเกส ที่ 81% และ ยูเออี 89% แม้จะมีปริมาณวัคซีนมหาศาลก็ตาม 

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังระบุด้วยว่า แทนที่จะตั้งเป้ากำจัดไวรัสให้สิ้นซาก แต่เป้าหมายตอนนี้เปลี่ยนเป็นการฉีดวัคซีนให้ประชาชน ที่จะทำให้การระบาดไม่บานปลาย และท้ายที่สุดโรคนี้ก็จะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเราจะยังต้องอยู่กับมันไปอีกนานหลายปี