รีเซต

'บิ๊กป้อม' ถกนปถ. เดินหน้าแผนแม่บทป้องกัน-ลดอุบัติเหตุทางถนน ปี 65-70 สร้างจิตสำนึกความปลอดภัย

'บิ๊กป้อม' ถกนปถ. เดินหน้าแผนแม่บทป้องกัน-ลดอุบัติเหตุทางถนน ปี 65-70 สร้างจิตสำนึกความปลอดภัย
มติชน
20 ตุลาคม 2565 ( 11:54 )
58

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ที่ห้องประชุมมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ (นปถ.) พร้อมด้วย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย(มท.) นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง นายรัฐพล นราดิศร รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ (นปถ.) ครั้งที่ 2/2565 ซึ่งมีคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมฯ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไปยังห้องประชุม 1 ปภ. อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

 

 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การประชุมฯ ในวันนี้ คณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ได้ร่วมกันพิจารณาแผนบูรณาการป้องกันและ ลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลและช่วงวันหยุด พ.ศ. 2566 เพื่อเป็นกรอบแนวทางการบูรณาการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลและวันหยุดต่าง ๆ ต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยใช้ชื่อการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” ซึ่งแผนดังกล่าว จะกำหนดเป้าหมาย แนวทาง และมาตรการการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน รวมถึงยังเป็นแนวทางในการบูรณาการ การดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในช่วงเทศกาลและช่วงวันหยุด และนำไปสู่การลดปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนและอุบัติภัยอื่น ๆ ในช่วงเทศกาลและช่วงวันหยุดยาว พร้อมทั้งกำหนดตัวชี้วัดการดำเนินงานที่ครอบคลุมแต่ละระดับ ทั้งระดับภาพรวม ระดับหน่วยงาน และระดับพื้นที่ ซึ่งที่ประชุมฯ ได้มอบหมายให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) นำแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลและวันหยุด พ.ศ. 2566 เสนอต่อคณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อทุกภาคส่วนจะได้นำไปวางแผนเตรียมพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลและช่วงวันหยุดต่อไป โดยมุ่งหวังให้ประชาชนเดินทางอย่างสุขใจกับชีวิตวิถีใหม่ ที่ห่างไกลอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลและวันหยุดยาว

 

ทั้งนี้ที่ประชุมฯ ยังได้พิจารณา(ร่าง) แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ 2565 – 2570 ซึ่งเป็นกรอบแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ภายใต้วิสัยทัศน์ “มุ่งสู่การสัญจรทางถนนที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน” โดย (ร่าง) แผนฉบับนี้ ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการความเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนในทุกมิติ รวมถึงขับเคลื่อนการพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสัญจรอย่างปลอดภัยอย่างยั่งยืน ซึ่งได้กำหนดไว้ 4 ยุทธศาสตร์หลัก ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 มุ่งลดการเสียชีวิตและบาดเจ็บของผู้ใช้รถใช้ถนน ยุทธศาสตร์ที่ 2 ยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยของยานพาหนะ ยุทธศาสตร์ที่ 3 พัฒนาสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและการเดินทางที่ยั่งยืน และยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนารากฐานโครงสร้างการทำงานด้านความปลอดภัยทางถนน เพื่อที่หน่วยงานทุกภาคส่วนสามารถบูรณาการการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายสูงสุด คือ การลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในปี พ.ศ. 2570 ให้เหลือ 8,474 คน หรือ 12 คนต่อแสนประชาชน และลดจำนวนผู้บาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางถนนในปี พ.ศ. 2570 ให้เหลือ 106,376 คน ซึ่งหลังจากนี้ จะนำแผนแม่บทดังกล่าวเสนอต่อสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติต่อไป รวมถึงยังได้เห็นชอบให้หน่วยงานทุกภาคส่วนใช้ (ร่าง) แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ 2565 – 2570 เป็นกรอบแนวทางในการจัดทำแผนปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนน พ..ศ 2566 เพื่อให้การดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนเป็นไปด้วยความต่อเนื่อง

 

พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า ขอเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่อง โดยให้ดำเนินการตามแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. 2565-2570 ที่ได้กำหนดไว้ มุ่งเน้นมาตรการเชิงรุกในการจัดการและแก้ไขปัจจัยเสี่ยง ทั้งด้านคน ถนน และยานพาหนะ พร้อมเร่งรัดมาตรการสวมหมวกนิรภัย 100% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อำเภอที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากการไม่สวมหมวกนิรภัยสูง เพื่อลดการเสียชีวิตจากการใช้รถใช้ถนนและสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย โดยเฉพาะการสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ ตลอดจนบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างจริงจังและเข้มงวดกับผู้ไม่สวมหมวกนิรภัยขณะขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์ พร้อมทั้งสร้างการรับรู้และรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านทุกช่องทางเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงผลกระทบและเห็นถึงความสำคัญของการสวมหมวกนิรภัย เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยให้เกิดขึ้นในสังคมไทยต่อไป

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง