ณัฐพงษ์ เปิด 200 นโยบายพรรคประชาชน ชูปราบทุนเทา ตั้งเป้าชนะเลือกตั้ง

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ TNN ถึงทิศทางการเมืองและนโยบายของพรรค หลังเปิดตัวนโยบายอย่างเป็นทางการ โดยระบุว่า พรรคประชาชนวางกรอบนโยบายไว้ 4 เสาหลัก ได้แก่ ประชาธิปไตย ความมั่นคงรูปแบบใหม่ เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตใหม่ แตกออกเป็นกว่า 200 นโยบาย เพื่อใช้เป็นแผนขับเคลื่อนประเทศอย่างเป็นระบบ

ณัฐพงษ์กล่าวว่า พรรคประชาชนเปิดเว็บไซต์ให้ประชาชนเข้าไปศึกษานโยบายทั้งหมด พร้อมออกแบบการสื่อสารในรูปแบบการ์ดดิจิทัลที่สามารถส่งต่อให้คนใกล้ตัว เพื่อชวนให้ประชาชนมีส่วนร่วมทำความเข้าใจแนวทางการบริหารประเทศ ไม่จำกัดอยู่เพียงเวทีปราศรัยหรือการหาเสียงแบบเดิม

สำหรับปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญ ณัฐพงษ์ระบุว่า ทุนเทาและการทุจริตคอร์รัปชันเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกที่สุดในโครงสร้างการเมืองไทย จากผลสำรวจความคิดเห็นของพรรค พบว่าประชาชนจำนวนมากไม่ต้องการเห็นระบบสีเทาเข้ามามีบทบาททางการเมืองอีกต่อไป รวมถึงไม่ต้องการนักการเมืองหรือทีมบริหารที่มีที่มาพัวพันกับกลุ่มทุนหรือเครือข่ายอิทธิพลเดิม

ณัฐพงษ์ระบุเพิ่มเติมว่า ที่มาของอำนาจทางการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญในการแก้ปัญหาเหล่านี้ พรรคประชาชนจึงเริ่มต้นจากเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจน ใช้เงินบริจาคจากประชาชนเป็นหลัก และเตรียมเปิดแคมเปญระดมทุนหาเสียงอย่างโปร่งใส

ในเชิงนโยบาย ณัฐพงษ์เสนอการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์เป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจสอบทุนสีเทา โดยยกตัวอย่างการศึกษาระบบของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีการบูรณาการข้อมูลจากทุกภาคส่วน ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าการลงทุนจะไม่เกี่ยวข้องกับเงินผิดกฎหมาย ขณะที่ประเทศไทยแม้เริ่มมีการตรวจจับบัญชีม้าแล้ว แต่เงินสีเทายังคงเคลื่อนย้ายผ่านทรัพย์สินรูปแบบอื่น ทั้งรถ บ้าน ที่ดิน และตลาดทุน พรรคประชาชนจึงเสนอการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลกลางของภาครัฐ และการใช้ระบบเอไอตรวจจับความเสี่ยงล่วงหน้า ซึ่งสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายใน 100 วันแรก และพัฒนาระบบให้สมบูรณ์ภายในระยะเวลา 4 ปี

ณัฐพงษ์ยังกล่าวถึงการบริหารจัดการภัยพิบัติว่า ปัญหาหลักในปัจจุบันคือข้อมูลและอำนาจการตัดสินใจกระจายอยู่ในหลายหน่วยงานที่ไม่เชื่อมโยงกัน หากรัฐสามารถรวมศูนย์ข้อมูลได้ จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการบริหารจัดการภาครัฐในทุกด้าน

ในประเด็นการเมือง ณัฐพงษ์ยืนยันว่า พรรคประชาชนเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา และเห็นว่าพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่งควรเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พร้อมตั้งเป้าหมายชนะการเลือกตั้งให้ได้เสียงมากพอ เพื่อกำหนดทิศทางรัฐบาลได้จริง โดยย้ำว่า จะไม่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาชนขานชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล ในการเลือกนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป พร้อมระบุว่าการหยิบยกประเด็นมาตรา 112 มาเป็นเงื่อนไขทางการเมือง เป็นเพียงข้ออ้างมากกว่าข้อเท็จจริงทางกฎหมาย เนื่องจากมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกำหนดกรอบไว้อย่างชัดเจนแล้ว

สำหรับกระบวนการประชามติ ณัฐพงษ์แสดงความกังวลต่อข้อจำกัดการออกเสียงล่วงหน้า โดยเห็นว่าการเปิดโอกาสให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด เป็นหัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตย พร้อมยืนยันว่า ไม่ว่าผลการเลือกตั้งหรือผลการออกเสียงประชามติจะออกมาในทิศทางใด พรรคประชาชนพร้อมน้อมรับการตัดสินใจของประชาชนทุกกรณี