รีเซต

แพคเกจลงทุนโดนใจ!! ดันยอดขอรับส่งเสริมบีโอไอปี 63 กว่า 4.8 แสนล้านบาท

แพคเกจลงทุนโดนใจ!! ดันยอดขอรับส่งเสริมบีโอไอปี 63 กว่า 4.8 แสนล้านบาท
มติชน
10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:37 )
49

แพคเกจลงทุนโดนใจ!! ดันยอดขอรับส่งเสริมบีโอไอปี 63 กว่า 4.8 แสนล้านบาท ส่วนปีนี้ขอไม่ตั้งเป้า ขอทำให้ดีที่สุด

 

น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บอร์ดบีโอไอ) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมรับทราบยอดคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนปี 2563 มูลค่าลงทุนรวม 481,150 ล้านบาท จำนวน 1,717 โครงการ โดยมูลค่าลดจากปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 6.9 แสนล้านบาท คิดเป็น 30%

 

แต่เนื่องจากปีนั้นมีโครงการลงทุนรถไฟความเร็งสูงเชื่อม 3 สนามบิน ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือรถไฟอีอีซี มูลค่า 1.6 แสนกว่าล้าน หักออกจะเหลือคำขออยู่ที่ 5.3 แสนล้านบาท และเมื่อเทียบกับปี 2563 ที่เผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะพบว่าการลงทุนยังขยายตัวพอสมควร สะท้อนว่ามาตรการส่งเสริมที่ออกไปประสบความสำเร็จ เพราะมูลค่าลดลงเพียง7% ขณะเดียวกัน เมื่อเทียบกับจำนวนโครงการปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 1,523 โครงการ จะเห็นได้ว่าปี 2563 คำขอเพิ่มขึ้น 13%

 

ด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริม 907 โครงการ มูลค่าลงทุน 213,162 ล้านบาท โดยประเทศญี่ปุ่นยื่นขอรับการส่งเสริมมากที่สุดทั้งจำนวนโครงการ และมูลค่าลงทุน จำนวน 211 โครงการ มูลค่าลงทุน 75,946 ล้านบาท ตามด้วยประเทศจีน มูลค่าลงทุน 31,465 ล้านบาท และสหรัฐฯ มูลค่าลงทุน 24,555 ล้านบาท

 

สำหรับคำขอรับการส่งเสริมในพื้นที่อีอีอซี มีจำนวน 453 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 208,720 ล้านบาท แบ่งเป็น จังหวัดชลบุรี 226 โครงการ มูลค่าลงทุน 67,190 ล้านบาท จังหวัดระยอง 175 โครงการ มูลค่าลงทุน 115,870 ล้านบาท และจังหวัดฉะเชิงเทรา 52 โครงการ มูลค่าลงทุน 25,660 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในกลุ่มสาธารณูปโภค บริการพื้นฐานและการขนส่ง เป็นต้น

 

“ปีนี้ บีโอไอจะไม่ตั้งตัวเลขเป้าหมายคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน เพราะมีหมายปัจจัยที่คาดการณ์ไม่ได้ ทั้งโควิด-19 และเศรษฐกิจโลก แต่จะพยายามอย่างเต็มที่เดียวกับปีที่ผ่านมา ซึ่งการลงทุนยังไปได้ดี โดยทิศทางการส่งเสริมการลงทุนปีนี้จะส่งเสริมในกิจการที่ไทยมีศักยภาพ มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ และขับเคลื่อนการปรับโครงสร้างของภาคการผลิตและบริการ อาทิ อุตสาหกรรมในกลุ่มบีซีจี การแพทย์ อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ดิจิทัล บริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการผลิตและบริการ”น.ส.ดวงใจกล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง