พบวัยรุ่นสหรัฐฯ "กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ" หลังฉีดวัคซีน 2 เข็ม

วันนี้( 23 มิ.ย.64) ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ ต้องเปิดการประชุมกันเป็นการเร่งด่วนเพื่อทบทวนข้อมูลต่างๆ ที่พบว่า มีเด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้นกว่า 300 คน ที่มีอาการ "กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ" หลังจากที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด mRNA ครบ 2 เข็มไปแล้ว 1 สัปดาห์ โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นชาย 

ที่ประชุมซึ่งมีศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือ CDC เป็นเจ้าภาพ ได้ฟังการวิเคราะห์ความเสียงและประโยชน์ จากผู้เชี่ยวชาญว่า วัคซีนชนิดนี้ เป็นสาเหตุให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย, เยื่อบุหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบด้วยหรือไม่ โดยจะทบทวนข้อมูลเชิงลึกให้มากขึ้นว่าเกิดจากวัคซีนจริงหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้อิสราเอลเป็นชาติแรกที่พบว่ามีความเชื่อมโยงกัน 

โรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการ CDC ระบุว่า เคสเหล่านี้ยังนับว่าเกิดขึ้นน้อยมาก ส่วนใหญ่ได้รับการแก้ไขอย่างเต็มที่ด้วยการพักผ่อน และการดูแลแบบประคับประคองแล้ว 

ทั้งนี้ ผู้ที่มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบนี้ พบราว 300 คน จากประชากรในวัยเดียวกัน 20 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนแล้ว นั่นคือสัดส่วนราว 15 คน ต่อ 1 ล้านคนที่ได้รับวัคซีน 

ด้านลอร์รี่ รูบิน ผู้อำนวยการแผนกโรคติดเชื้อในเด็กของศูนย์การแพทย์เด็กโคเฮน ระบุว่า กังวลกับเรื่องนี้แต่ก็จะเน้นกับทุกคนว่า "สาเหตุและผลลัพธ์" ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างชัดเจน และบอกด้วยว่าที่โรงพยาบาลของเขามีเคสวัยรุ่นชายที่มีอาการ "เจ็บหน้าอก" เกิดขึ้น 1-2 วัน หลังจากที่ฉีดวัคซีน mRNA เข็มที่ 2  แต่เป็นอาการเพียงเล็กน้อยและผู้ป่วยกลับมาเป็นปกติได้ในเวลาไม่กี่วัน หลังได้รับการรักษาด้วยยา ไอบูโพรเฟน 

สำหรับปัจจุบัน มีเพียงวัคซีน Pfizer ที่ได้รับอนุมัติให้ฉีดในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ 

ทั้งนี้ อาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบมักเกิดขึ้นตามฤดูกาล โดยพบผู้ที่มีอาการมากในช่วงฤดูร้อนที่เชื่อมโยงกับเอนเททอโรไวรัส และปกติจะมีเด็กป่วยอาการนี้ราว 1 ใน 100,000 คน ทุกปี 

ดร.รูบิน ระบุว่า ควรชั่งน้ำหนักความเสี่ยงกับเด็กๆระหว่างอาการนี้กับโรคโควิด-19 ด้วย เพราะสถิติที่ผ่านมาพบว่าเด็กๆมีการติดเชื้อน้อยกว่าผู้ใหญ่ และพบว่ามีเด็กราว 3,000 คน ทั่วสหรัฐฯที่ติดโควิด-19 จนต้องเข้าโรงพยาบาล และมีเด็กเสียชีวิต 300 คน 

อย่างไรก็ตามสหรัฐฯเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่อนุมัติให้ฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กวัย 12 ปีขึ้นไปได้