ธปท.เผยไร้รมว.คลังส่งผลนโยบาย หลายโครงการต้องสะดุด
วันนี้ (30ก.ย.63) นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังจะติดลบเฉลี่ย 8.5% ซึ่งเป็นอัตราลดลงจากในไตรมาส 2 ที่ติดลบ 12.2% และยังคงติดลบต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรกปี 2564 ก่อนจะฟื้นตัวเป็นบวกได้ในไตรมาส 2 ปี 64 จากปัจจัยสนับสนุนทั้งการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยและจากมาตรการภาครัฐที่กระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ทั้งนี้ธปท.คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะติดลบ 7.8%
นอกจากนี้ต้องจับตา รมว.คลังคนใหม่ว่าจะเป็นใคร และมาเมื่อไหร่เพราะจะเข้ามาสานต่อนโยบายต่าง ๆ จากในขณะนี้บางนโยบายเกิดการชะลอ และหลายโครงการต้องหยุดไป ซึ่งมีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวม โดยขณะนี้เครื่องยนต์เศรษฐกิจที่สำคัญคือสนันสนุนในประเทศ และการใช้จ่ายภาครัฐ เพราะต้องยอมรับว่าการลงทุนภาคเอกชนยังคงชะลอ และภาคต่างประเทศทั้งส่งออกและท่องเที่ยวยังน้อยอยู่ ดังนั้นหากสามารถผลักดันเม็ดเงินเพื่อการฟื้นฟูและเยียวยาเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ยังเหลืออยู่ ให้ออกมาโดยเร็ว ก็จะมีผลในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ ในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้า
สำหรับแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa :STV) จะไม่มีผลต่อเศรษฐกิจในปีนี้ เนื่องจากเป็นการเปิดรับนักท่องเที่ยวไม่เกิน 1,200 คน/เดือน จากปกติอยู่ที่ 3 ล้านคน/เดือน จึงถือว่าเป็นการใช้จ่ายน้อยมาก แต่ก็เป็นการจัดการของรัฐบาลทีละขึ้นตอน ซึ่งจะเป็นการดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ทั้งนี้ ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนส.ค.63 ปรับดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน ตามมูลค่าการส่งออกสินค้า การผลิตภาคอุตสาหกรรม และเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนที่หดตัวน้อยลง ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนขยายตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนหดตัวสูงขึ้น หลังจากปัจจัยพิเศษวันหยุดยาวในเดือนก่อนหมดลง ส่วนภาคการท่องเที่ยวหดตัวสูงต่อเนื่อง จากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศที่ยังคงมีอยู่
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE