ย้อนสถิติ 5 ปี รัฐยึดทรัพย์เครือข่ายทุนมืด เฉียด 4 หมื่นล้าน ปี 68 พุ่งไม่หยุด

เมื่อการยึดทรัพย์กลายเป็นด่านหน้าในการปราบปราม
วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 นับเป็นอีกหมุดหมายของการขับเคลื่อนนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล ภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางลงพื้นที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อมอบนโยบายและรับฟังผลการดำเนินงาน หลังเปิดฉากปฏิบัติการ SEAL – STOP – SAFE มานานกว่า 2 เดือน
ปฏิบัติการนี้ไม่เพียงแต่จับผู้ค้าและผู้เสพ แต่ยังขยายผลลึกถึงเครือข่ายทุนที่ขับเคลื่อนขบวนการค้ายาเสพติดทั่วประเทศ ผลลัพธ์ในเชิงตัวเลขสะท้อนทิศทางชัดเจน ยึดยาบ้าได้กว่า 29.93 ล้านเม็ด ไอซ์และคีตามีนรวมกว่า 4,400 กิโลกรัม เฮโรอีนอีก 126 กิโลกรัม และยึดอายัดทรัพย์สินมูลค่าสูงถึง 1,900 ล้านบาทจากเพียง 31 คดีในช่วงเวลาแค่สองเดือน
ยุทธศาสตร์ใหม่ เปลี่ยนจุดเน้นจาก “คน” เป็น “ทุน”
ยุทธศาสตร์ SEAL – STOP – SAFE ที่รัฐบาลใช้เป็นเข็มทิศในการแก้ปัญหายาเสพติด มีความชัดเจนในเชิงโครงสร้าง โดย SEAL มุ่งเป้าสกัดยาเสพติดจากแหล่งผลิตตามแนวชายแดน STOP เน้นหยุดการแพร่ระบาดภายในประเทศ และ SAFE มุ่งทำให้ชุมชนปลอดภัยผ่านการฟื้นฟูและการมีส่วนร่วมของประชาชน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เร่งบังคับใช้นโยบายนี้ผ่านการปิดล้อม ตรวจค้น และยึดทรัพย์อย่างไม่เว้นช่องว่าง โดยเน้นการบุกเข้าถึงเครือข่ายทุนที่ซ่อนอยู่ ทั้งบ้านหรู รถยนต์ เงินสด และทรัพย์สินที่ซุกซ่อนผ่านระบบการเงินซับซ้อน
ตัวเลขยึดทรัพย์ทะลุ 9,333 ล้านบาทใน 9 เดือน
ข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ระบุว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณนี้ (1 ตุลาคม 2566 - ปัจจุบัน) หน่วยงานด้านความมั่นคงสามารถยึดอายัดทรัพย์สินจากเครือข่ายค้ายาเสพติดได้ถึง 9,333 ล้านบาท ตัวเลขนี้เพิ่มจากปีที่แล้วอย่างมีนัยสำคัญ และมีแนวโน้มจะสูงกว่ายอดเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ที่ 10,000 ล้านบาทในปี 2565
เมื่อรวมกับของกลางจากการจับกุมทั่วประเทศในช่วง 7 เดือนแรก ได้แก่ ยาบ้ากว่า 645 ล้านเม็ด ไอซ์ 34,223 กิโลกรัม และยาเสพติดชนิดอื่นอีกนับแสนเม็ด ยิ่งตอกย้ำว่าการปราบปรามไม่ได้เกิดเพียงเป็นรายครั้ง แต่กลายเป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ลงลึกถึงโครงสร้างอาชญากรรม
ตัวเลข 5 ปี เปลี่ยนภาพรวมของการปราบยา
หากย้อนดูสถิติย้อนหลังตั้งแต่ปี 2564 พบว่าการยึดทรัพย์จากเครือข่ายยาเสพติดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะหลังจากมีการแก้ไขกฎหมายให้สามารถยึดทรัพย์ย้อนหลังได้ถึง 10 ปี และกำหนดเป้าหมายเชิงนโยบายแบบเจาะจง
• ปี 2564: ยึดทรัพย์รวมกว่า 7,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในภาคอีสานตอนบนสามารถอายัดได้ถึง 11,280 ล้านบาทภายในเวลาเพียง 2 เดือนครึ่ง
• ปี 2565: กระทรวงยุติธรรมตั้งเป้า 10,000 ล้านบาท และเร่งขยายผลในพื้นที่เป้าหมาย
• ปี 2566: ลดลงเหลือ 5,300 ล้านบาท อาจเพราะขาดการประสานในบางช่วงเวลา
• ปี 2567: ยอดพุ่งขึ้นอีกครั้งที่ 8,064 ล้านบาท
• ปี 2568: ตัวเลขล่าสุด ณ เดือนพฤษภาคม อยู่ที่ 9,333 ล้านบาท และอาจสูงกว่านี้ภายในสิ้นปีงบประมาณ
แนวโน้มนี้ตอกย้ำว่าการปราบปรามยาเสพติดในประเทศไทยกำลังย้ายสนามรบจากพื้นที่ชายแดนเข้าสู่ตลาดทุนของเครือข่ายอาชญากรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อทำลายรากฐานการเงินที่หล่อเลี้ยงอำนาจมืดเหล่านี้มาอย่างยาวนาน
จากยุทธการสู่คำถามปลายทาง
แม้ตัวเลขของกลางและทรัพย์สินที่ยึดได้จะพุ่งสูง แต่คำถามที่หลายฝ่ายยังต้องการคำตอบ คือกระบวนการฟื้นฟูผู้เสพ การป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าสู่วงจรยา และการบริหารจัดการทรัพย์สินที่ถูกยึดให้กลับคืนสู่สังคมในรูปแบบที่ตรวจสอบได้
สำหรับประชาชนทั่วไป รัฐบาลเปิดช่องให้แจ้งเบาะแสยาเสพติดผ่านสายด่วน 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง โดยหวังว่าการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนจะช่วยปิดจุดอ่อนของระบบ และเสริมแรงให้ยุทธศาสตร์ SEAL – STOP – SAFE ไม่ใช่แค่แผนงานบนกระดาษ แต่กลายเป็นกลไกแก้ปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนในระยะยาว