รีเซต

SNAPSHOT : KIAT

SNAPSHOT : KIAT
ทันหุ้น
14 ตุลาคม 2563 ( 10:35 )
131
SNAPSHOT : KIAT

KIAT บริษัท เกียรติธนา ขนส่ง จำกัด (มหาชน)


Company Background


บริษัทให้บริการขนส่งวัตถุอันตรายในกลุ่มปิโตรเคมี เคมีภัณฑ์ ก๊าซอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์พิเศษอื่นๆ เช่น น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และกากอุตสาหกรรม โดยบริษัทเป็นเจ้าของรถกว่า 700คัน ที่สร้างขึ้นมาเพื่อบรรทุกสินค้าในแต่ละประเภทโดยเฉพาะ โดยหัวใจหลักของบริษัทคือนโยบายและมาตรการความปลอดภัย รวมถึงคุณภาพในการดำเนินงานขนส่งและให้บริการลูกค้า


Key Development of Company


เมษายน 2561 บริษัทฯเริ่มขายเคมีภัณฑ์และให้บริการขนส่งให้กับลูกค้ารายใหม่ในประเทศลาว

กรกฎาคม 2561 บริษัทฯรุกเข้าสู่ธุรกิจขนส่งทางรางรถไฟ โดยการเข้าซื้อกิจการของบริษัท เก้าเจริญ เทรน ทรานสปอร์ต จำกัด (ปัจจุบัน เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เคที เทรน จำกัด)

มกราคม 2562 บริษัท เคที เทรน จำกัด ได้เข้าเจรจากับการรถไฟเพื่อขอทำสัญญาในเส้นทางใหม่

ตุลาคม 2562 บริษัท เคที เทรน จำกัด ได้ลูกค้ารายใหม่ในงานขนส่งทางรถไฟ

กรกฎาคม 2563 บริษัท เคที เทรน จำกัด เริ่มต้นการขนส่งสินค้าทางรถไฟในเส้นทาง บ้านกระโดน - มาบตาพุด โดยมีการเปิดใช้สถานีบ้านกระโดนในการเป็นจุดขนส่งเป็นครั้งแรก


Business Plan


การขยายธุรกิจหลัก


เน้นการขยายตัวในธุรกิจขายเคมีภัณฑ์พร้อมบริการขนส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

มีแผนรุกหาลูกค้าในกลุ่มปิโตรเลียม โดยเกียรติธนามีชื่ออยู่ในทะเบียนผู้ค้า ของ บางจาก Esso ExxonChemical และ Shell

มีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนการบริการขนส่งในกลุ่มลูกค้า Industrial Gas ซึ่งปัจจุบันมีนโยบายใช้บริการผู้ขนส่งภายนอกมากขึ้น

ด้วยมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดมากขึ้น ผู้ประกอบการกำจัดกากอุตสาหกรรมจำเป็นต้องใช้บริการขนส่งจากผู้ขนส่งที่มีใบอนุญาตถูกกฎหมาย เป็นโอกาสที่บริษัทฯจะขยายตลาดเข้าไปในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว โดยคาดว่าจะมีแนวโน้มเจริญเติบโตสูง

มีการขยายส่วนแบ่งทางการตลาดเข้าไปในกลุ่มการขนส่งก๊าซธรรมชาติ LNG ซึ่งมีการเปิดตลาดเสรีในการค้ามากขึ้นหลังจาก ปตท. เปิด Third party access ให้กับ LNG Tank Terminal


ธุรกิจใหม่


เคจีพี(บริษัทย่อย)ได้รับแต่งตั้งโดย บริษัท SeeingMachines จากออสเตรเลีย ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยเพียงผู้เดียว ของระบบ Guardian ซึ่งเป็นกล้องตรวจจับอาการอ่อนเพลียและเสียสมาธิของพนักงานขับรถ และยังให้บริการตรวจสอบพฤติกรรมพนักงานขับรถที่ตรวจจับได้จากอุปกรณ์ Guardian อีกด้วย

บริษัทฯขยายธุรกิจเข้าไปในการขนส่งทางรางรถไฟ โดยมีบริษัทย่อย คือ บริษัท เคที เทรน จำกัด เป็นบริษัทที่ดำเนินงานด้านดังกล่าว ปัจจุบันได้ทำการขนส่งสินค้าทางรางในเส้นทาง บ้านกระโดน(นครราชสีมา) – มาบตาพุด โดยได้รับอนุญาตจากการรถไฟให้เช่าเหมาขบวนรถไฟของการรถไฟในการปฏิบัติงาน


Investment Highlight


บริษัทมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เฉพาะด้านในธุรกิจขนส่งวัตถุอันตราย ปิโตรเคมี และผลิตภัณฑ์พิเศษอื่นๆ โดยธุรกิจของบริษัทไม่ใช่แค่เพียงการขนส่งแต่เป็น “ กระบวนการโลจิสติกส์ครบวงจร ” (end-to-end) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นบริการที่เกี่ยวกับคลังสินค้า พิธีการศุลกากรและเอกสาร รวมถึงบริการการจัดการขนส่ง บริษัทได้จัดฝึกอบรมเรื่องการขับขี่อย่างเข้มงวดและอบรมหลักสูตรเบื้องต้นเกี่ยวกับสารเคมีแต่ละประเภทและการระงับเหตุเบื้องต้น ทั้งยังมีรถกู้ภัยฉุกเฉินเพื่อรองรับเมื่อเกิดอุบัติเหตุ สำหรับบริการจัดเก็บและกระจายสินค้า บริษัททำการควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ซึ่งลูกค้าสามารถตรวจสอบปริมาณสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ บริษัทได้เริ่มรุกเข้าไปในธุรกิจการขนส่งทางรถไฟ เพื่อสนองต่อนโยบายรัฐที่สนับสนุนการขนส่งทางราง


KIATเล็งแตกไลน์โลจิสติกส์

กำเงินสดพร้อมลงทุน400ล.


ทันหุ้น - สู้โควิด – KIAT เล็งแตกไลน์ธุรกิจโลจิสติกส์ แย้มอยู่ระหว่างเจรจา 5 โปรเจ็กต์ คาดสรุปไตรมาส 1/64 ฟากผู้บริหาร “มินตรา มนต์เสรีนุสรณ์” พร้อมกำเงินสดเต็มมือ 300-400 ล้านบาท มั่นใจรายได้ปีนี้มาตามนัดโต 15% ทยอยให้บริการลูกค้าใหม่เพียบ ขึ้นแท่นหุ้นปันผล จ่ายปันผลทุกปีไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ


นางสาวมินตรา มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกียรติธนา ขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนแตกไลน์ธุรกิจออกไปในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรประมาณ 5 โปรเจ็กต์ โดยรูปแบบธุรกิจมีความเป็นไปได้ทั้งการร่วมมือกับบริษัท Start up และการควบรวมกิจการ หรือ M&A คาดจะเห็นความชัดเจนประมาณไตรมาส 1/2564 ทั้งนี้บริษัทมีกระแสเงินสด พร้อมลงทุน 300-400 ล้านบาท ซึ่งหากเป็นโปรเจ็กต์ขนาดเล็ก คาดจะเพียงพอต่อการลงทุนแน่นอน แต่หากเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่และจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก บริษัทยังมีช่องทางการหาแหล่งเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจ


D/E ต่ำ 0.11 เท่า


ปัจจุบันบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.11 เท่า ซึ่งมีศักยภาพสำหรับหาแหล่งเงินทุนเพื่อมาขยายธุรกิจได้อีกมาก สำหรับทิศทางธุรกิจช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทประเมินทิศทางยังดีต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา โดยบริษัทได้เซ็นสัญญาให้บริการขนส่งวัตถุอันตรายให้กับลูกค้าเก่าอย่างต่อเนื่องหลายราย ประกอบกับบริษัทมีลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทยอยให้บริการตั้งแต่ไตรมาส 4/2563 เป็นต้นไป


สำหรับฐานลูกค้าของบริษัทเป็นกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม และลูกค้าเริ่มกลับมาดำเนินการตามปกติ ทำให้ทิศทางปริมาณการขนส่งวัตถุอันตายที่บริษัทให้บริการขนส่งเริ่มมีปริมาณสูงขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีรถบรรทุกที่เหมาะสมกับสินค้าที่ขนส่งในแต่ละประเภท เช่น รถขนส่งก๊าซธรรมชาติ รถขนส่งน้ำมันดิบ เป็นต้น


โดยปัจจุบันบริษัทมีรถบรรทุกมากกว่า 700 คัน มีสาขาที่ให้บริการรวม 7 สาขา คือ สาขาตาก จังหวัดตาก , สาขาบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา , สาขาระยอง จังหวัดระยอง , สาขาบางปู จังหวัดสมุทรปราการ , สาขาลานกระบือ จังหวัดกำแพงเพชร, สาขาขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น และสาขาสระบุรี จังหวัดสระบุรี


รายได้เข้าเป้าโต15%


บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมาย 15% ต่อจากปีก่อนที่ 955.19 ล้านบาท โดยการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจะมาจากการให้บริการขนส่งเคมีภัณฑ์จากลูกค้าใหม่ และลูกค้าเก่า ซึ่งการขนส่งเคมีภัณฑ์ยังเป็นรายได้หลักของบริษัทราว 70% ขณะที่การขนส่งอื่นๆ และการขายสินค้าเทคโนโลยีตรวจจับหลับจาก บริษัทในเครือ หรือ บริษัท เคจีพี จำกัด รวมกันคาดมีสัดส่วนที่ 20% และส่วนที่เหลืออีก 5-10% คาดจะมาจาก บริษัท เคที เทรน จำกัด


ขณะเดียวกันบริษัทในเครือ หรือบริษัท เคที เทรน จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท เก้าเจริญ เทรน ทรานสปอร์ต จำกัด) ให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยระบบการขนส่งทางรถไฟ โดยเป็นคู่สัญญากับการรถไฟในสัญญาการขนส่งตู้สินค้าแบบเหมาขบวน และให้บริการขนส่งสินค้าด้วยรถ Hopper Tank สามารถดำเนินธุรกิจได้แล้วในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทจะรับรู้รายได้จาก บริษัท เคที เทรน จำกัด เข้ามาเต็มไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาส 3/2563 เป็นต้นไป และจะส่งผลให้ผลประกอบการครึ่งปีหลังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก อนึ่ง 6 เดือนแรกบริษัทมีรายได้แล้ว 429.33 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 88.04 ล้านบาท


นางสาวมินตรา กล่าวต่อว่า บริษัทพยายามผลักดันผลประกอบการให้เติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น โดยบริษัทยังคงการจ่ายปันผลให้ได้เหมือนทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทมีนโยบายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง