Rainbow Economy - Pride Month - ช่วยชาติได้อย่างไร ?

Rainbow Economy - Pride Month - ช่วยชาติได้อย่างไร ?
ผลการศึกษาของ Agoda เว็บไซด์ด้านการเดินทางระดับโลก เปิดเผยว่า
จากการประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมของประเทศไทย
คาดว่าจะส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 4 ล้านคน/ปี
และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 65,000 ล้านบาท
รวมถึงช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของไทยจากตลาดนักท่องเที่ยว LGBTQIAN+ ของโลก
ที่คาดว่ามีมูลค่าสูงถึงกว่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
งาน Pride Month ในประเทศไทยได้จัดขึ้นอย่างเป็นทางการอีกครั้งในปีนี้
และเป็นปีแรกที่ประเทศไทยเรามีการใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียม
เป็นงานที่แสดงจุดยืนว่าไทยสนับสนุนความเท่าเทียมกันของมนุษย์
ภายใต้ความหลากหลายทางเพศ
กับเป้าหมายของไทย คือการเป็น "Pride Destination" ระดับโลก
รวมถึงการได้เป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่ระดับโลก World Pide 2030
เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านการท่องเที่ยว
และสร้างเม็ดเงินมหาศาล ดีต่อเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับชุมชนไปถึงประเทศ
ผู้นำของไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมขบวน บางกอกไพรด์ เฟสติวัล 2025
เพื่อเฉลิมฉลองความเท่าเทียมและการยอมรับอัตลักษณ์ทางเพศอย่างเต็มรูปแบบ
พร้อมผู้แทนหน่วยงานราชการ องค์กรภาคเอกชน ภาคประชาสังคม
ครือข่ายพันธมิตรสีรุ้ง สื่อมวลชน ตลอดจนเหล่าศิลปินดารา นักแสดงที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย
มากกว่า 300,000 คน เข้าร่วมขบวน เป็นภาพที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก
ท่ามกลางกระแสชื่นชมจากคนบนโลกโซเชียล
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า
ขบวนบางกอกไพรด์ เฟสติวัลปีนี้จัดเป็นปีที่ 3 ซึ่งแต่ละปีก็มีสีสันแตกต่างไป
ทุกคนมารวมกันที่นี่ในวันนี้ เพื่อยืนยันเสียงเดียวกันว่า ทุกคนเกิดมาเพื่อเป็นตัวของตัวเอง
ทุกคนสมควรได้รับการยอมรับในสิทธิ เสรีภาพ และตัวตนอย่างเท่าเทียมกัน
พร้อมย้ำว่า ปีนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทย
เรามีกฎหมายสมรสเท่าเทียมเริ่มบังคับใช้ ทำให้ไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ที่กฎหมายยอมรับความรักทุกรูปแบบและเห็นคุณค่าของทุกครอบครัว สมรสเท่าเทียมเป็นประตูบานแรก
สู่การสร้างความเท่าเทียมในมิติอื่นๆ
รัฐบาลเดินหน้าตั้งเป้าหมายผลักดันร่างกฎหมายอื่นๆ เพื่อคุ้มครองสิทธิ
ไม่ว่าจะเป็นใคร จะมาจากไหน ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ทุกเพศในสังคมไทย
ที่สำคัญต้องเป็นคนดีเป็นคนไทยที่มีกฎหมายคุ้มครอง
ความรักชนะทุกสิ่ง ?
ก่อนหน้านี้รัฐบาลไทยได้เปิดกิจกรรม "Amazing Thailand Love Wins Festival (Pride Month 2025)"
หนึ่งในกิจกรรมภายใต้โครงการ "Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025"
ร่วมเฉลิมฉลอง Pride Month หรือเดือนแห่งความภาคภูมิใจของชุมชน LGBTQIAN+ทั่วโลก
เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่สนับสนุนความเท่าเทียม
และความหลากหลายทางเพศ พร้อมเป็น Pride Destination ระดับโลกอย่างแท้จริง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า โครงการ
Amazing Thalland Love Wins Festival (Pride Month) เป็นการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน
ความเท่าเทียมทางเพศ และการยอมรับความหลากหลายทางเพศ (Gender Diversity)
ซึ่งได้กลายเป็นประเด็นสำคัญในระดับสากล
โดยประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่เปิดกว้าง และเป็นมิตรกับชุมชน LGBTQ/AN+ มาโดยตลอด
และได้มีการประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา
การจัดกิจกรรม Amazing Thaland Love Wins Festival (Pride Month) ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศครั้งนี้
นอกจากจะสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจท่องเที่ยว ร้านค้า และชุมชนท้องถิ่น
ยังเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเข้าใจ ส่งเสริมความรัก
และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในสังคมที่เปิดกว้าง
และยอมรับความแตกต่างอย่างยั่งยืน
และช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์และศักยภาพในการมุ่งผลักดันประเทศไทย
สู่การเป็นเจ้าภาพ World Pide 2030
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า
ททท. พร้อมเดินหน้าส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยเป็น Pide Destination
จุดหมายปลายทางทางด้านการท่องเที่ยว
ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มจากทั่วโลกอย่างเท่าเทียม
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างความเสมอภาค สะท้อนศักยภาพ
ความพร้อมและภาพลักษณ์ของประเทศไทยภายใด้แบรนด์ Amazing Thailand
ให้แข็งแกร่งและยั่งยืนในระดับโลก
เศรษฐกิจสีรุ้งในไทย
ไม่ใช่แค่ภาครัฐที่เดินหน้า แต่เอกชนเองก็เต็มที่ พร้อมร่วมมือผลักดัน
รวมไปถึง Soft Power ต่างๆที่จะมาช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวได้
ตั้งแต่ซีรีส์วายไปถึงกระแสการแปลงเพศในไทย
ความเห็นจากภาคเอกชนในไทยต่างก็สนับสนุนความหลากหลายทางเพศ
เช่น ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา
ที่มองว่า Pride month เป็นมากกว่าความเท่าเทียม แต่เป็นเสรีภาพ (Freedom),
สิทธิมนุษยชน (Human Right) และความเท่าเทียมที่ไม่มีขีดจำกัดในเรื่องเพศอีกต่อไป (Equality)
ซึ่งเป็น 3 สิ่งพื้นฐานสำคัญที่ทุกคนพึงมี
และ Pride month คือเทศกาลสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ
โดยเซ็นทรัลพัฒนา ได้ขยายพื้นที่จัดงานยิ่งใหญ่ Double size ทุกปี
จาก 9 สาขาในปี 2023 สู่ 39 สาขาในปี 2025
และคาดว่าจะมีผู้ร่วมงานทั่วประเทศรวมกว่า 1.3 ล้านคน
เศรษฐกิจสายรุ้ง หรือ Rainbow Economy กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและทรงพลัง
หรือเติบโตถึงปีละ 8 % โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว บันเทิง และไลฟ์สไตล์
ด้วยแรงขับเคลื่อนจากกลุ่ม LGBTQIAN+ ทั่วโลกที่มีอยู่มากกว่า 400-800 ล้านคน
คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 5-10% ของประชากรโลก
โดยในไทยเองก็มีมากกว่า 6 ล้านคน คาดสร้างเงินสะพัดกว่า 1.5 แสนล้านบาทต่อปี
และช่วยเพิ่ม GDP ได้ถึง 0.3% อ้างอิงจากการวิจัย ของวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU)
โดยเฉพาะการมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมออกมารองรับ
ยังส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวและการลงทุน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่ารายได้จากนักท่องเที่ยว กลุ่ม Rainbow Tourism
จะสูงถึง 6.7 หมื่นล้านบาทต่อปี
และที่สำคัญ ก็คือ ไทยเรายังมีพลังของ "Soft Power"
ที่โดดเด่นระดับโลก คือ ซีรีส์วายของไทย ทั้ง Boy's Love และ Girl's Love มีผู้ชมหลายร้อยล้านวิว
สร้างเม็ดเงินและอิทธิพลทางวัฒนธรรมมหาศาล นักแสดงมีแฟนคลับอยู่ทั่วโลก
คาดจะสร้างรายได้ถึง 2,000 ล้านบาทต่อปี
ตามการเติบโตของสื่อและอุตสาหกรรมบันเทิงสีรุ้ง "Rainbow Entertainment"
หรือกระทั่งกระแสศัลยกรรมในไทย ในด้านการแปลงเพศ
ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับหนึ่งของโลก ทางด้านศัลยกรรมแปลงเพศ
ก็จะมาเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันการท่องเที่ยวทางการแพทย์ (Medical tourism)
สูงถึง 1 หมื่น 6 พันล้านบาทต่อปี
ประเทศไทยของเรานับว่าเป็นมิตรแท้ของกลุ่ม LGBTQIAN+
บ้านเมืองเราปลอดภัยต่อทุก Gender ผู้คนในทุกกลุ่ม
เป็นเรื่องจริงที่ไม่ใช่แค่ในละครหรือในซีรีส์เท่านั้น
และข้อความนี้จะต้องไปถูกประกาศและส่งไปทั่วโลกให้ได้
เพื่อมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสีรุ้งเศรษฐกิจ "สีรุ้ง"
ที่เป็นความหวังในการกู้ชาติ กู้เศรษฐกิจไทยให้กลับมาเติบโตสดใสได้อีกครั้งหนึ่ง
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
