ททท.เตรียมแพ็กเกจ "เวิร์คเคชั่น" ดันเที่ยวควบทำงาน

วันนี้ (11 ก.ย.63) น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า ททท.อยู่ระหว่างพิจารณาแพ็กเกจกระตุ้นท่องเที่ยวแบบ "เวิร์คเคชั่น" เป็นรูปแบบการเที่ยวพร้อมกับการทำงาน โดยแพ็กเกจจะสนับสนุนทั้งด้านบริการ ห้องพัก ตลอดจนมาตรการด้านสิทธิประโยชน์ด้านภาษีให้กับบริษัทเอกชน

อาทิ การลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยแพ็กเกจเที่ยวจะชัดเจนในเดือนกันยายนนี้ สอดรับกับจากนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศเพื่อชดเชยรายได้นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ลดลงจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะการสนับสนุนให้ข้าราชการเที่ยวมีวันเที่ยวได้เพิ่มอีก 2 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลา และให้บริษัทเอกชนของไทยให้พนักงานเที่ยวในประเทศ อาจเที่ยวเองหรือเป็นการสัมมนา

เดิม ททท.คาดการณ์รายได้ประมาณ 3 ล้านล้านบาท แต่จากปัญหาโควิด-19 ทำให้ต้องปิดประเทศ นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเที่ยวไทยได้ ปีนี้จึงตั้งเป้าที่ 8 แสนล้านบาท ปัจจุบันทำรายได้แล้วประมาณ 7 แสนล้านบาท มั่นใจว่าจะได้ตามเป้าหมาย โดยเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นการ ท่องเที่ยวในประเทศปัจจุบัน อาทิ เราเที่ยวด้วยกัน เพิ่มวันหยุดให้ข้าราชการ 2 วัน กระตุ้นบริษัทเอกชนสนับสนุนให้พนักงานเที่ยว

ด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวในประเทศ 6 เดือนแรกปี 63 (ม.ค.-มิ.ย.) พบว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยทั้งสิ้น 28,331,200 ล้านคน/ครั้ง (-63%) สร้างรายได้ 202,387 ล้านบาท (-62%) และคาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวภายในประเทศจะสามารถช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ภายในไตรมาสที่ 3 ระหว่างเดือนก.ค.- ก.ย.นี้ และคาดว่าปี 63 นี้จะมีจำนวนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ 68 ล้านคน/ครั้ง คิดเป็นรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศ 4 แสนล้านบาท ถือว่าลดลงจากปกติที่จะมีรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศ 1 ล้านล้านบาท

สัปดาห์หน้าเตรียมเสนอขอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติการออกวีซ่านักท่องเที่ยวแบบใหม่ (Special Tourist Visa : STV) สำหรับต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าไทย มีระยะเวลาให้อยู่ในไทยได้ 90 วัน และต่ออายุได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 90 วัน รวมสูงสุด 270 วัน เหมาะกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการมาพำนักระยะยาวในไทย โดยค่าวีซ่าอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาทต่อคน