สรุปดรามาน้ำท่วมปางช้างแม่แตง ฟังความเห็น 2 มุม “แสงเดือน - กัญจนา”
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังเกิดน้ำท่วมหลากเข้าพื้นที่ ศูนย์บริบาลช้าง ในอ. แม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งสถานที่แห่งนั้นได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทางศูนย์ฯ ได้สูญเสีย “พังฟ้าใส” และ “พลอยทอง” สร้างความเสียใจอย่างมากให้แก่ประชาชนทั่วไป นอกจากความห่วงใยในสถานการณ์ยากลำบากในการช่วยเหลือช้าง และสัตว์อื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากกระแสน้ำที่มาแรง ทีมงานอาสาสมัครที่ทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือช้าง ชื่อของ “แสงเดือน ชัยเลิศ” ตกอยู่ในความสนใจของโซเชียลมีเดียในทันที
ผู้คนในโซเชียลมีเดียได้ส่งกำลังใจ และให้การสนับสนุนผ่านการบริจาคสิ่งของ เงินทุนเพื่อช่วยเหลือช้างและผู้ดูแล มีการยกย่องการทำงานของทีมงานในศูนย์บริบาลที่พยายามช่วยเหลือสัตว์ทุกตัวในสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้
ในขณะเดียวกันยังมีเสียงวิจารณ์ถึงการจัดการช่วยเหลือช้างที่ล่าช้า ยากลำบากเนื่องจากระดับน้ำที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ช้างบางตัวไม่ได้รับการอพยพออกจากพื้นที่ได้ นอกจากนี้ ยังมีข้อครหาว่าแนวทางการดูแลช้างของแสงเดือน ซึ่งยึดหลักไม่ล่ามช้าง และไม่ใช้ตะขอ ทำให้การอพยพช้างเป็นไปได้ยากขึ้นในภาวะวิกฤต แสงเดือนได้ออกมาชี้แจงและยืนยันว่าจะยังคงแนวทางนี้ต่อไป โดยเธอระบุว่า หากช้างถูกล่ามในช่วงน้ำท่วม อาจทำให้เกิดการสูญเสียมากกว่าเดิม ซึ่งเสียงจากโซเชียลมีเดียได้ออกมาตอบโต้กันไปมามีทั้งผู้ที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว
โดยผู้ที่เห็นด้วยกับการไม่ใช้ตะขอ โซ่เห็นว่าเนื่องจากช้างในปางมีทั้งช้างแก่ พิการ ถูกทำทารุณกรรมมาก่อน ศูนย์ฯ แห่งนี้จึงเป็นเหมือนเซฟโซนที่พักพิงของช้าง อีกทั้งแนวทางของผู้เลี้ยงไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ขณะที่เสียงต่อต้านระบุว่าการใช้ตะขอ หรือโซ่ไม่ได้นำมาเพื่อทรมานสัตว์ แต่ใช้เพื่อควบคุมช้างได้ง่ายขึ้น และไม่จำเป็นต้องใช้เสมอไป เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้เข้าถึงได้ง่าย โดย 2 ฝ่ายตอบโต้กันผ่านโซเชียลมีเดียตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดรามาดังกล่าวได้ปะทุรุนแรงขึ้นอีก จากการโพสต์ระหว่าง แสงเดือน ชัยเลิศ และ กัญจนา ศิลปอาชา (หนูนา) เกี่ยวกับช้างสองเชือกที่อยู่ในความดูแลของศูนย์บริบาลช้างแม่แตง แสงเดือนได้โพสต์แสดงความต้องการให้กัญจนามารับช้างสองเชือกที่ฝากไว้กลับไป โดยย้ำว่าทางศูนย์พร้อมคืนช้างให้เร็วที่สุด ซึ่งช้างเหล่านี้คือ ขุนเดช และดอกแก้ว ที่ได้รับการดูแลในศูนย์ฯ มานานหลายปี
ในด้านของกัญจนา เธอได้ออกมาชี้แจงผ่านโซเชียลมีเดียว่าเธอไม่ได้เพียงแค่ฝากช้างทั้งสองเชือกไว้เท่านั้น แต่ยังสนับสนุนทางศูนย์ในด้านต่างๆ เป็นเวลานาน เพราะเธอมีความผูกพันกับช้างเหล่านี้และไม่ได้มีส่วนได้เสียทางธุรกิจจากการดูแลช้างครั้งนี้ พร้อมระบุว่าเธอจะไปรับช้างทั้งสองเชือกกลับโดยเร็ว
ประเด็นนี้ได้สร้างความสนใจและมีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ โดยผู้คนได้แสดงความคิด เป็น 2 ฝ่ายอีกเช่นเคยมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ส่วนใหญ่แนะว่าสองฝ่ายควรพูดคุยกันด้วยเหตุผล มองผลประโยชน์ของช้างเป็นที่ตั้ง และ เชื่อมั่นว่าทั้งคู่มีความปราถนาดีต่อสัตว์ทั้งคู่
กัญจนา ศิลปอาชา หรือ หนูนา ผู้ที่ป็นที่รู้จักในฐานะผู้สนับสนุนด้านสิทธิสัตว์ โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับการดูแลช้างในประเทศไทย เธอมักมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ช้างและสัตว์ป่า รวมถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงดูสัตว์อย่างมีจริยธรรม ก่อนหน้านั้นกัญจนา ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับระบบการดูแลช้างของศูนย์ฯ โดยระบุว่าการดูแลช้างในสภาวะฉุกเฉินต้องเข้าถึงได้ง่าย และไม่ใช่แค่เรื่องการใช้โซ่หรือตะขอในการควบคุมช้าง แต่ควรมีมาตรการเตรียมพร้อมที่ดีกว่าสำหรับการป้องกันอุบัติภัย
ภาพจาก: แสงเดือน ชัยเลิศ / กัญจนา ศิลปอาชา