ซื้อ-ขายอวัยวะ กับ ราคาชีวิตที่ไม่มีอยู่จริง?

ข่าวปลอมราคาอวัยวะ: เมื่อศีลธรรม กฎหมาย และชีวิตจริงปะทะกันในสังคมไทย
ข่าวปลอมราคาอวัยวะ: เมื่อศีลธรรม กฎหมาย และชีวิตจริงปะทะกันในสังคมไทย
บทความนี้วิเคราะห์ข่าวปลอมเรื่องการซื้อขายอวัยวะในไทย ที่ระบุราคาไตข้างละ 4.7 ล้านบาท ปอดข้างละ 9.2 ล้านบาท และเลือดลิตรละ 21,000 บาท ซึ่งสภากาชาดไทยได้ออกมาปฏิเสธ พร้อมสะท้อนปัญหาการขาดแคลนอวัยวะบริจาคในประเทศไทย โดยในปี 2568 มีผู้รอรับอวัยวะกว่า 7,500 คน แต่มีผู้บริจาคเพียง 151 ราย
ราคาที่ไม่มีอยู่จริง?
กลางกระแสโซเชียลมีเดียที่หมุนเร็วจนความจริงและความลวงมักปะปนกัน เมื่อไม่นานมานี้ ชาวเน็ตไทยต้องหยุดชะงักกับข่าวการตั้งราคาซื้อขายอวัยวะมนุษย์อย่างโจ่งแจ้ง ทั้งไตข้างละ 4.7 ล้านบาท ปอดข้างละ 9.2 ล้านบาท และเลือดลิตรละ 21,000 บาท ข่าวดังกล่าวแพร่กระจายรวดเร็ว พร้อมกระตุ้นความตื่นตระหนกและข้อถกเถียงในวงกว้าง
แต่ไม่นาน สภากาชาดไทยก็ออกมาเบรกกระแสข่าวปลอมนี้ พร้อมยืนยันหนักแน่นว่า ประเทศไทยไม่อนุญาตให้มีการซื้อขายอวัยวะโดยเด็ดขาด เพราะถือเป็นการค้ามนุษย์ที่ผิดกฎหมายร้ายแรง และขัดต่อหลักศีลธรรมขั้นพื้นฐาน
ข่าวปลอมที่บั่นทอนความหวัง
แม้ข้อมูลที่แชร์ว่ามีตลาดซื้อขายอวัยวะในไทยจะไม่มีมูลความจริง แต่ความเสียหายที่ตามมากลับไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย การกระจายของข่าวปลอมเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่สร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกฎหมายเท่านั้น หากยังทำลายความเชื่อมั่นในระบบบริจาคอวัยวะที่ต้องการการเชื่อถือและความไว้วางใจจากสาธารณะชนอย่างยิ่ง
รองศาสตราจารย์ นพ.สุภนิติ์ นิวาตวงศ์ รองผู้อำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย ย้ำว่า การปลูกถ่ายอวัยวะในประเทศไทยดำเนินการได้เฉพาะกรณี บริจาคโดยสมัครใจเท่านั้น ไม่ว่าจะจากญาติที่มีชีวิตหรือจากผู้ที่แสดงเจตจำนงไว้ล่วงหน้าหลังเสียชีวิต และต้องอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดของหน่วยงานที่ได้รับอนุญาต
กฎหมายชัด: อวัยวะมนุษย์ไม่ใช่สินค้า
ประเทศไทยมีกฎหมายที่เข้มงวดในการปกป้องศักดิ์ศรีของการบริจาคอวัยวะ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 ระบุชัดว่า การซื้อขายอวัยวะถือเป็นการค้ามนุษย์ ผู้กระทำผิดมีโทษหนักทั้งจำคุกและปรับจำนวนมาก
นอกจากนี้ กฎหมายแพ่งไทยยังบัญญัติว่า การทำสัญญาใด ๆ ที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีถือเป็นโมฆะ นั่นหมายความว่าการซื้อขายอวัยวะ ไม่ว่าฝ่ายใดยินยอมหรือไม่ ก็ไม่มีผลในทางกฎหมาย และไม่มีสิทธิเรียกร้องทางกฎหมายใด ๆ ภายหลัง
ข้อกำหนดจากแพทยสภายังเสริมแนวปฏิบัติว่า การปลูกถ่ายอวัยวะต้องทำเฉพาะในโรงพยาบาลที่ได้รับอนุญาต พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และภายใต้เงื่อนไขที่เคร่งครัดด้านจริยธรรมวิชาชีพ
ตัวเลขจริง: ความหวังที่ยังห่างไกล
เบื้องหลังข่าวลือและความตื่นตระหนก มีความจริงที่เงียบงันและน่ากังวลยิ่งกว่า ข้อมูลล่าสุดจากศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ระบุว่า มีผู้ป่วยรอรับการปลูกถ่ายอวัยวะในประเทศไทยมากถึง 7,436 คน โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยรอไตสูงถึง 6,897 คน หรือคิดเป็นเกือบ 93% ของผู้รอทั้งหมด รองลงมาคือผู้รอรับตับ 434 ราย หัวใจ 43 ราย และอวัยวะอื่น ๆ เช่น ปอด หัวใจ-ปอด ตับ-ไต ตับอ่อน-ไต รวมกันอีกจำนวนหนึ่ง
แม้จำนวนผู้รอจะมีตัวเลขมหาศาล แต่สถิติผู้บริจาคอวัยวะจริงกลับต่ำกว่าความต้องการอย่างน่าใจหาย ในปี 2567 มีผู้บริจาคเพียง 429 ราย และในช่วงสองเดือนแรกของปี 2568 มีผู้บริจาคเพียง 204 ราย เท่านั้น แนวโน้มช่วง 5 ปีหลังยังสะท้อนว่า จำนวนผู้บริจาคอวัยวะจริงในประเทศไทย ทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย ขณะที่ผู้ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน โดยปี 2567 มีผู้ได้รับการปลูกถ่ายเพียง 677 ราย และปี 2568 จนถึงกุมภาพันธ์ มีเพียง 204 ราย
ในอีกด้านหนึ่ง แม้การแสดงเจตจำนงบริจาคอวัยวะจะมีแนวโน้มสูงขึ้น — เช่นปี 2566 มีผู้แสดงเจตจำนงมากถึง 127,934 คน — แต่เมื่อเทียบกับจำนวนผู้บริจาคอวัยวะที่เกิดขึ้นจริง ยังถือว่ามีช่องว่างขนาดใหญ่ การแสดงเจตจำนงจึงเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น เพราะในความเป็นจริง กระบวนการหลังจากนั้น เช่น การขอความยินยอมจากครอบครัว การเตรียมความพร้อมของระบบการแพทย์ และความเข้าใจที่ถูกต้องของสังคม ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดได้ว่า โอกาสของผู้รอชีวิตใหม่จะเป็นไปได้หรือไม่
ศีลธรรมในวันที่ชีวิตกลายเป็นราคา
การตั้งราคาอวัยวะ ไม่ว่าด้วยความตั้งใจหรือด้วยการแชร์ผิด ๆ ล้วนลดทอนอวัยวะมนุษย์ให้เหลือเพียงสินค้าในตลาด เปิดทางให้เกิดการเอาเปรียบกลุ่มเปราะบางในสังคมโดยตรง
หากเปิดช่องให้มีการซื้อขายอวัยวะจริง ๆ ในเชิงโครงสร้างแล้ว คนจนจะกลายเป็นผู้ขาย ส่วนคนรวยจะเป็นผู้ซื้อ ความเหลื่อมล้ำที่ฝังรากลึกอยู่แล้วจะยิ่งหยั่งรากลึกขึ้นอีกขั้น พร้อมตั้งคำถามด้านศีลธรรมที่หนักหนายิ่งกว่าเดิม: เราจะยอมให้ชีวิตมนุษย์ถูกซื้อขายด้วยเงินตราหรือไม่?
สภากาชาดไทยและหลายภาคส่วนยังคงย้ำว่า การบริจาคอวัยวะต้องเกิดจาก จิตสำนึกแห่งการให้ มิใช่การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว หลักการของการแพทย์เชิงมนุษยธรรมที่ยืนหยัดมานับร้อยปีจะสั่นคลอนอย่างไม่อาจย้อนคืน
ทางออกที่สังคมไทยต้องเลือก
เพื่อแก้ไขสถานการณ์และอุดช่องว่างทั้งความเข้าใจและกฎหมาย รัฐบาลไทยกำลังผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการปลูกถ่ายอวัยวะ ซึ่งอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน
ร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้จะวางระบบการบริจาคให้ชัดเจนและปลอดภัยยิ่งขึ้น เช่น
- ยึดเจตนารมณ์ผู้บริจาคเป็นหลัก
- ลดอุปสรรคจากการขอความยินยอมจากครอบครัว
- สร้างฐานข้อมูลกลางที่โปร่งใส เชื่อถือได้
ขณะเดียวกัน ภาครัฐและภาคประชาสังคมจำเป็นต้องเร่งมือสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะผ่านสื่อสารสาธารณะ โดยเน้นย้ำถึงเกียรติยศของการบริจาค มากกว่าปล่อยให้ความกลัวและข่าวลวงปกคลุมความหวังของผู้ป่วยที่รอคอย
อย่าให้ชีวิตถูกซื้อขายด้วยข่าวปลอม
ข่าวปลอมเรื่องการตั้งราคาซื้อขายอวัยวะไม่เพียงแต่เป็นข้อมูลผิด ๆ แต่ยังมีพลังทำลายล้างชีวิตจริงอย่างคาดไม่ถึง ในวันที่ชีวิตหลายพันชีวิตแขวนอยู่บนความหวังบาง ๆ ของการปลูกถ่ายอวัยวะ ความจริง ความเข้าใจ และความเสียสละจึงเป็นสิ่งที่สังคมไทยต้องปกป้องไว้ยิ่งกว่าที่เคย
การบริจาคอวัยวะไม่ใช่การแลกเปลี่ยนราคา แต่คือการส่งต่อชีวิต และในโลกที่ข่าวปลอมแพร่เร็วเกินเหตุ บางครั้งการหยุดแชร์ และเลือกที่จะเข้าใจอย่างแท้จริง อาจเป็นการช่วยชีวิตใครสักคนได้จริง ๆ