รีเซต

‘สศค.’ เผยมาตรการแจก 5,000 บาท คืบหน้ากว่า 99% เหลือตรวจสอบทบทวนสิทธิ์อีกไม่มาก

‘สศค.’ เผยมาตรการแจก 5,000 บาท คืบหน้ากว่า 99% เหลือตรวจสอบทบทวนสิทธิ์อีกไม่มาก
มติชน
11 พฤษภาคม 2563 ( 04:17 )
771
8

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ความคืบหน้ามาตรการแจกเงินเยียวยา 5,000 บาท เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยตัวเลขล่าสุดสามารถจ่ายเงินเยียวยาไปแล้วกว่า 11 ล้านคน ส่วนสัปดาห์นี้กระทรวงการคลังจะจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับสิทธิ์เพิ่มอีกรวม 13.4 ล้านคน โดยขณะนี้ยังมีอยู่ 3 กลุ่มที่ยังไม่สามารถจ่ายเงินให้ได้คือ 1.ผู้ที่ผ่านการตัดกรองและได้รับสิทธิ์เยียวยา 5,000 บาทแล้ว แต่ยังติดในเรื่องบัญชีที่ยังไม่ถูกต้อง อาทิ บัญชีไม่มีการเคลื่อนไหวจนถูกปิดไปแล้ว หรือลีเจ้าของบัญชีเป็นชื่อร่วม ซึ่งชื่อเจ้าของบัญชีจะต้องเป็นชื่อผู้ที่ได้รับสิทธิ์เท่านั้น ซึ่งตรงนี้แนะนำให้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชน ซึ่งระบบจะนำเงินเข้าให้ได้สะดวกที่สุด โดยมีผู้เข้าข่ายกลุ่มนี้จำนวน 13 ล้านคน ซึ่งขณะนี้เหลืออีกเพียง 1 แสนกว่าคนเท่านั้น ที่ยังดำเนินการไม่สำเร็จ 2.กลุ่มที่ขอให้นำส่งข้อมูลเพิ่มเติม มีจำนวนประมาณ 6.5 ล้านคน เหลือยังไม่ส่งข้อมูลเข้ามาให้แล้ว 4 แสนคน ซึ่งอยากให้เร่งนำข้อมูลส่งกลับมา เพื่อตรวจสอบและคัดกรองให้แล้วเสร็จต่อไป ที่ผ่านมาได้ส่งข้อความตามตัวให้นำส่งข้อมูลเพิ่มเติมตลอดเวลา โดยมีผู้ที่ส่งข้อมูลเพิ่มเติมมาแล้ว 6.1 ล้านคน และดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเสร็จแล้ว และ 3.กลุ่มที่ขอทบทวนสิทธิ์ มีจำนวน 6.3 ล้านคน โดยจะปิดการยื่นขอทบทวนสิทธิ์ภายในวันที่ 10 พฤษภาคม 2563 เวลา 24.00 น. หลังจากนั้นจะดำเนินการลงพื้นที่และตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ขอทบทวนสิทธิ์เข้ามา โดยขณะนี้ประเมินว่าสามารถตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ยื่นทบทวนสิทธิ์ได้แล้วเกินครึ่งของจำนวนทั้งหมด จึงขอเวลาในการดำเนินการอีก 7 วัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถตรวบสอบผู้ยื่นทบทวนสิทธิ์ให้แล้วเสร็จได้ทั้งหมด โดยล่าสุดตัวเลขผู้ที่ยื่นทบทวนสิทธิ์เข้ามา และพิจารณาคุณสมบัติผ่านเกณฑ์แล้ว 3.7 ล้านคน อยู่ในระหว่างการลงพื้นที่อยู่ประมาณ 6 แสนคน โดยเชื่อว่าภายในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ จะสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จทั้งหมด

“เชื่อว่าโครงการเราไม่ทิ้งกัน ได้ดำเนินการสำเร็จไปแล้วกว่า 98-99% ซึ่งจากการประเมิน เชื่อว่าเม็ดเงิน 5,000 ล้านบาท จะสามารถเข้าไปหมุนเวียนในด้านการบริโภคของระบบเศรษฐกิจได้ประมาณ 3 รอบครึ่ง ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจอย่างแน่นอน แต่ผลที่อยากเห็นมากที่สุด คือ เม็ดเงินจำนวนนี้จะสามารถช่วยเหลือและเยียวยาประชาชน พาให้รอดพ้นวิกฤตโควิด-19 ใน 3 เดือนนี้ไปให้ได้ก่อน” นายลวรณกล่าว

นายลวรณกล่าวว่า สำหรับประชาชนที่เข้ามายื่นเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับมาตรการ 5,000 บาท ที่กรมประชาสัมพันธ์ ขณะนี้พบว่า เหตุผลใหญ่ที่ต้องมามี 2 เรื่องคือ 1.ลงทะเบียนผ่านแล้วแต่ยังไม่ได้รับเงิน ซึ่งส่วนนี้จะมีปัญหาในเรื่องชื่อเจ้าของบัญชีไม่ตรงกับชื่อผู้ได้รับสิทธิ์ หรือเป็นบัญชีที่ไม่ได้เคลื่อนไหวนาน แล้วถูกปิดไป จึงไม่สามารถนำเงินเข้าให้ได้ โดยแนะนำให้สมัครพร้อมเพย์และผูกกับบัตรประชาชน ซึ่งจะสามารถโอนเงินเข้าให้ได้ และ 2.ลงทะเบียนไม่สำเร็จตั้งแต่ต้น มีประมาณ 1.7 ล้านคน โดยในส่วนนี้จะกลับเข้าไปตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการคัดกรองให้แล้วเสร็จต่อไป

นายลวรณกล่าวว่า ในส่วนของมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากที่จะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ เบื้องต้นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. จะต้องทำแพคเกจเสนอเข้ามา แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นรายละเอียดดังกล่าว จึงยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ว่า กรอบของมาตรการที่จะเสนอเข้าครม. เป็นอย่างไร หรือจะเน้นในเรื่องใดเป็นพิเศษบ้าง โดยงบประมาณ 4 แสนล้านบาทที่จะใช้ในการฟื้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่เป็นงบของกระทรวงการคลังเท่านั้น แต่กระทรวงอื่น สามารถใช้เงินส่วนนี้ในการดำเนินมาตรการหรือโครงการต่างๆ ได้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีกระทรวงใดทำแผนเสนอมาตรการเข้ามา สำหรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เตรียมเสนอโครงการฟื้นฟูผลกระทบภัยแล้ง และโควิด-19 วงเงินประมาณ 4.5-5 หมื่นล้านบาทนั้น เบื้องต้นต้องส่งเรื่องเข้ามาที่กระทรวงการคลัง หลังจากนั้นจะส่งให้คณะกรรมกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ พิจารณาถึงความเหมาะสมและตรงตามหลักเกณฑ์หรือไม่ หลังจากนั้นคณะกรรมการฯ จะนำเสนอให้ครม. พิจารณาอีกครั้ง โดยกระทรวงต้นเรื่องไม่สามารถส่งเรื่องนำเสนอครม.ได้เอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง