พ่อฉุนจัด เจอคนหัวหมอ เอาทองลูกชายไปขาย แถมโดนท้าทาย ให้ไปแจ้งความ
พ่อถึงกับหัวร้อน หลังลูกชายถูกคนรู้จัก ขอยืมเงินโดยให้นำทองไปจำนำ ก่อนแอบไปร้านปล่อยขายลับหลัง แถมยังเยาะเย้ย ให้ไปแจ้งความได้แล้ว
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2565 ที่สภ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี นายแดน อายุ 41 ปี พร้อมภรรยานางชูชื่น อายุ 43 ปี พร้อมด้วยนายศรัญญู อายุ 18 ปี ลูกชาย เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สังวาล งอกศิลป์ สว.(สอบสวน) เหตุถูกเด็กรุ่นลูกมาท้าทาย หลังหลอกเอาสร้อยคอทองคำของลูกชายไปจำนำ 42,000 บาท
นายศรัญญู กล่าวว่า เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ตนรู้จักกับนายนัฐ ทัศนะ หรือเบิร์ด อายุ 35 ปี ชาวจ.ลพบุรี ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไปด้วยกัน จากนั้นได้มีคนมาว่าจ้างให้นายนัฐ ไปรับงานรับเหมาก่อสร้าง แต่นายนัฐ ไม่มีเครื่องมือจึงหันมายืมเงินตน โดยให้ตนนำสร้อยทองไปจำนำ 20,000 บาท โดยนายนัฐ บอกว่าจะไถ่ทองออกมาให้หลังจากขายเหล็กได้
ต่อมาวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 65 นายนัฐ กับตนก็กันไปที่ร้านทองแห่งหนึ่งในตลาดหนองฉาง โดยจำนำครั้งแรก 20,000 บาท ซึ่งทางร้านทองได้ขอชื่อตนกับเพื่อนไว้ หลังจากจำนำทองเสร็จนายนัฐ ได้นำเงินพร้อมกับตั๋วจำนำไปด้วย จากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย และไม่ทราบว่าเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ นายนัฐ ไปเอาเงินที่ร้านทองเพิ่มอีก 15,000 บาท และขายขาดไปวันที่ 22 กุมภาพันธ์ รวมเป็นเงิน 42,000 บาท
ด้านนายแคน กล่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่า ตนมีอาชีพรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่จ.ปทุมธานี วันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา ตนและภรรยากลับมาบ้านที่จ.อุทัยธานี เพื่อมาปลูกบ้านให้กับแม่ยาย และได้สังเกตที่คอลูกชายว่าสร้อยคอทองที่ซื้อให้หายไป สอบถามก็ทราบว่าถูกเพื่อนขอยืมไปจำนำดังกล่าว
ตนจึงโทรศัพท์ไปถามนายนัฐ พร้อมขอตั๋วจำเพื่อจะไถ่คืนเอง แต่นายนัฐ พูดจาบ่ายเบี่ยงให้ลูกชายมาเอาบัตรประชาชนตัวเองไปไถ่ที่ร้านทองโดยอ้างว่าไม่ว่าง ตนจึงให้ลูกชายไปเอาบัตรประชาชนของนายนัฐ มาก่อนจะรีบไปยังร้านทองในตลาดหนองฉาง
เมื่อมาถึงก็ได้พูดคุยกับเจ้าของร้านทองจนทราบว่านายนัฐ มาที่ร้านทองถึง 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ นายนัฐ ขอเงินเพิ่มจากทางร้านทองไปอีก 15,000 บาท และหลังจากนั้นวันที่ 22 กุมภาพันธ์ นายนัฐ ได้มาที่ร้านทองคนเดียวแต่เที่ยวนี้มาเพื่อขายสร้อยคอทองคำรวมยอดทั้งหมด 42,000 บาท
นายแคน กล่าวต่อว่า ตนจึงโทรศัพท์ไปสอบนายนัฐ เรื่องสร้อยคอทองคำ แต่นายนัฐ ทำอารมณ์ฉุนเฉียวอ้างว่าไม่มีเวลาจะคุยด้วย พร้อมกับท้าทายให้ไปแจ้งความได้เลย จะโรงพักไหนก็ไม่กลัวอยู่แล้ว ตนจึงพาลูกชายเข้าแจ้งความเพื่อจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด