SELIC ดีมานด์ต่างแดนฟื้น ทุ่ม200ล.ลุยสุขภาพ
#SELIC #ทันหุ้น – SELIC ส่งสัญญาณผลงานปีเสือสดใส ดีมานด์ต่างประเทศไหลกลับ เจาะกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม แพ็กเกจจิ้ง ด้านแม่ทัพใหญ่ “ยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์” ควักงบ 200 ล้านบาท ลุยลงทุนเทรนด์สุขภาพ จับตาธุรกิจสตาร์ทอัพ เห็นผลชัด
นางสาวยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC เปิดเผยว่า คาดปี 2565 ผลประกอบการจะฟื้นตัว เพราะ 1-2 ปีที่ผ่านมาธุรกิจและผลประกอบการถูกกดดันจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ประกอบกับปัญหาการขนส่ง หรือพื้นที่ขนส่งสินค้าขาดแคลน ทำให้บริษัทไม่สามารถส่งสินค้าให้ลูกค้าต่างประเทศได้
** ธุรกิจทยอยฟื้นตัว
ขณะที่ภาพปี 2565 นี้ การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่โอไมครอน ไม่ติดเชื้อและเกิดอาการรุนแรง อีกทั้งประชากรในประเทศไทยได้รับวัคซีนเข็ม 3 ทำให้ภาพความเชื่อมั่น และการใช้ชีวิตเริ่มกลับสู่โหมดปกติ แต่อาจจะไม่ปกติ 100% แต่ภาพการลงทุน และการใช้ชีวิตเริ่มกลับมาดีขึ้น ทำให้บริษัทมองภาพธุรกิจปี 2565 จะกลับมาฟื้นตัว เมื่อเทียบกับ 1-2 ปีที่ผ่านมา
สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจปี 2565 บริษัทจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อรองรับตลาดเก่าและตลาดใหม่ ขณะเดียวกันคาดคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ต่างประเทศจะเริ่มกลับมาส่งมอบได้ตามปกติ เพราะบริษัทเห็นดีมานด์หรือความต้องการตั้งแต่ปลายปี 2564
บริษัทวางกลยุทธ์ขยายธุรกิจกาวให้ครอบคลุมในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ส่งผลให้บริษัทสามารถกระจายความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของออเดอร์ได้ แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม แพ็กเกจจิ้งและโลจิสติกส์ สินค้าอุปโภคภายในครัวเรือน รองเท้าและเครื่องหนัง และเฟอร์นิเจอร์ โดยมีเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 15%, 20%, 10% และ 5% ตามลำดับ
** ปี 65 ทิศทางสดใส
ทั้งนี้คาดรายได้ปี 2565 จะเติบโตสูงกว่าปี 2564 ปัจจุบันอยู่ระหว่างทำข้อมูลการเติบโต แต่เบื้องต้นหากดูจากสถานการณ์ และทิศทางออเดอร์ คาดรายได้ปี 2565 จะเติบโตต่อจากปี 2564 ประมาณ 10-15% ขณะเดียวกันคาดปี 2565 จะเห็นภาพธุรกิจ และความชัดเจนจากการลงทุนในบริษัท Start-Up (สตาร์ทอัพ) ในการพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวกับข้อต่อ แบบ 3D Printing ด้วยการใช้ AI ในการประมวลผลเข้ามาปี 2565
แต่ภาพผลประกอบการจะค่อยเป็นค่อยไป และไม่หวือหวา เพราะธุรกิจที่บริษัทเข้าไปลงทุน คือธุรกิจสตาร์ทอัพ บริษัทเชื่อว่าระยะยาว 2-5 ปี จะสนับสนุนการเติบโตให้ SELIC อย่างมีนัยสำคัญ ตามอุตสาหกรรมที่บริษัทลงทุน อีกทั้งบริษัทคาดการก้าวเข้าสู่ธุรกิจการแพทย์จะช่วยต่อยอดธุรกิจต่อไปในอนาคต เพราะธุรกิจการแพทย์ถือเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตสูง และเติบโตทุกๆ ปี
** วางงบ 200 ล้าน
พร้อมกันนี้บริษัทวางงบลงทุนปี 2565 ไว้ที่ 100-200 ล้านบาท เพื่อใช้ขยายการลงทุนไปในกลุ่มการแพทย์ สุขภาพ ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาแผนการลงทุนหลายโปรเจ็กต์ โดยโปรเจ็กต์ที่บริษัทเลือกลงทุน จะต้องเป็นบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตดี และอยู่ในกระแสที่จะช่วยผลักดันฐานธุรกิจในการเติบโตได้อย่างยั่งยืน