รีเซต

'กัมพูชา' ลุยฉีดวัคซีนโควิด-19 โดส 3 ให้บุคลากรด่านหน้าตามแนวชายแดนไทย

'กัมพูชา' ลุยฉีดวัคซีนโควิด-19 โดส 3 ให้บุคลากรด่านหน้าตามแนวชายแดนไทย
Xinhua
8 สิงหาคม 2564 ( 10:47 )
50
'กัมพูชา' ลุยฉีดวัคซีนโควิด-19 โดส 3 ให้บุคลากรด่านหน้าตามแนวชายแดนไทย

 

พนมเปญ, 8 ส.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันเสาร์ (7 ส.ค.) ออร์ แวนดิน รัฐมนตรีและโฆษกกระทรวงสาธารณสุขของกัมพูชา เผยว่ากัมพูชาจะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดสที่ 3 หรือโดสกระตุ้น ให้บุคลากรการแพทย์แนวหน้า ข้าราชการ และกองกำลังติดอาวุธใน 7 จังหวัดตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย ในวันอาทิตย์ (8 ส.ค.) นี้

 

 

แวนดินระบุในแถลงการณ์ว่า 7 จังหวัดดังกล่าว ได้แก่ พระตะบอง บันทายมีชัย ไพลิน เกาะกง อุดรมีชัย โพธิสัตว์ และพระวิหาร พร้อมชี้ว่า "เป้าหมายของการดำเนินการครั้งนี้คือเพื่อต่อสู้กับโรคโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา ซึ่งอาจแพร่ระบาดทั่วชุมชนเป็นวงกว้าง หากไม่ดำเนินมาตรการป้องกันอย่างทันท่วงที"

 

 

แวนดินเสริมว่าวัคซีนแอสตราเซเนกาของสหราชอาณาจักรจะถูกใช้เป็นวัคซีนโดสกระตุ้น ให้กับผู้ที่เคยฉีดวัคซีนซิโนแวคหรือซิโนฟาร์มของจีนเป็นสองโดสแรก

 

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว (1 ส.ค.) สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่ากัมพูชาตัดสินใจใช้วิธีฉีดผสมระหว่างวัคซีนซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม กับแอสตราเซเนกา ซึ่งหมายความว่าผู้ที่เคยฉีดวัคซีนซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม จะได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกาเป็นโดสที่ 3 ส่วนผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกาเป็นสองโดสแรก พวกเขาจะได้รับวัคซีนฝีมือจีนเป็นโดสที่ 3

 

 

ทั้งนี้ กัมพูชาได้เปิดตัวโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับผู้ใหญ่ในวันที่ 10 ก.พ. และสำหรับวัยรุ่นอายุ 12-17 ปี ในวันที่ 1 ส.ค. โดยตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ประชาชน 12 ล้านคน ซึ่งแบ่งเป็นผู้ใหญ่ 10 ล้านคน และวัยรุ่น 2 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 75 ของประชากร 16 ล้านคน ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้

 

 

กระทรวงฯ ระบุว่ากัมพูชาฉีดวัคซีนให้ประชาชนรวมแล้ว 7.92 ล้านคน ซึ่งรวมถึงผู้ใหญ่ 7.7 ล้านคน และวัยรุ่น 227,608 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 49.55 ของประชากรทั้งหมด เมื่อนับถึงวันที่ 6 ส.ค.

 

 

อย่างไรก็ดี กัมพูชาตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 522 ราย ในวันเสาร์ (7 ส.ค.) ซึ่งรวมถึงผู้ป่วยจากต่างประเทศ 135 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยในประเทศสะสมอยู่ที่ 81,335 ราย และพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 11 ราย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 1,537 ราย ขณะที่ยอดผู้ป่วยหายดีเพิ่มขึ้นเป็น 74,745 ราย หลังมีผู้ป่วยหายดีเพิ่ม 700 ราย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง