รีเซต

ตลท. พร้อมปรับเกณฑ์ "หุ้นไทย" ประเมินสัปดาห์หน้า มอง "ภาษีสหรัฐฯ" กระทบบจ.เล็กน้อย

ตลท. พร้อมปรับเกณฑ์ "หุ้นไทย" ประเมินสัปดาห์หน้า มอง "ภาษีสหรัฐฯ" กระทบบจ.เล็กน้อย
TNN ช่อง16
9 เมษายน 2568 ( 16:44 )
13

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่ามาตรการปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor, Dynamic Price Band และห้ามขายชอร์ต เป็นการชั่วคราว ซึ่งจะมีผลถึงวันที่ 11 เม.ย. นั้น คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ฯ มีการพูดคุยและวิเคราะห์ผลของมาตรการอยู่ตลอด เพื่อประเมินว่ามาตรการใดจะเหมาะสมสำหรับสถานการณ์ในอาทิตย์หน้า เนื่องจากข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวัน แต่มาตรการที่มีอยู่ถือว่าเหมาะสมในสภาวะปัจจุบัน

ทั้งนี้มาตรการชั่วคราวที่กำหนดราคาเสนอซื้อขายสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) 15% ซึ่งบังคับใช้เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา พบว่าในหุ้น SET100 มีเพียง 2 บริษัทที่ราคาหุ้นลงไปแตะ Floor ซึ่งเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องน้อย สะท้อนว่าศักยภาพหุ้นไทยยังอยู่ในจุดที่ดีอยู่ อย่างไรก็ตามตลท.มีการวิเคราะห์อยู่ตลอดเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาก่อนที่จะประกาศเกณฑ์ชั่วคราว บอร์ดตลท.ก็มีการพูดคุยถึงแนวทางปรับลด Circuit Breaker แต่จากการหารือ Circuit Breaker ที่ปรับมาแล้วตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม และการปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor 15% เป็นมาตรการที่ช่วยลดแรงกระแทกไม่ให้ถึง เกณฑ์ Circuit Breaker ได้ระดับหนึ่ง

ขณะที่มาตรการห้ามการขายชอร์ตทุกหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว ยังไม่สามารถตอบได้ชัดเจนว่าช่วยได้มากน้อยแค่ไหน หลักการที่นำมาตรการดังกล่าวมาใช้เพื่อไม่ให้ดัชนีปรับตัวลงเร็วเกินไป คิดว่าสำหรับ 4 วันที่มีการบังคับใช้นี้เหมาะสมมาก แต่ในอนาคตถ้าภาวะตลาดปกติการขายชอร์ตก็เป็นประโยชน์ ในการรักษาเสถียรภาพของราคาที่ตลาดไทยควรจะมี ส่วนการเปิดเฮียริ่งทบทวนการกำกับดูแลการขายชอร์ตได้เพียงเฉพาะหุ้นใน SET100 อยู่ระหว่างรวบรวมความคิดเห็น ซึ่งยังเดินหน้าต่อแต่ต้องดูว่าจะเดินหน้าเกณฑ์ไหน หรือไม่เดินหน้าเกณฑ์ใด

ขณะเดียวกันมองว่าการที่รัฐบาลเตรียมเจรจากับสหรัฐ ที่หาแนวทางเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสหรัฐ และเป็นการแก้ปัญหาที่ได้ประโยชน์แบบวิน-วินทั้งไทยและสหรัฐ หากการเจรจาสำเร็จในระดับหนึ่งอาจเป็นจุดพลิกผันให้ตลาดทุนไทยฟื้นได้ ประกอบกับมาตรการ Jump+ ของตลท.ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพบริษัทจดทะเบียน อาจกระตุ้นให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจมากขึ้น ซึ่งมาตรการ Jump+ ยังเดินหน้าตามกำหนดการเดิม โดยล่าสุดได้รับอนุมัติเงินสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) เรียบร้อยแล้ว เพื่อสนับสนุนการทำระบบวิเคราะห์สถานะการเงินของบริษัท กำลังการแข่งขันเทียบกับอุตสาหกรรม การจ้างที่ปรึกษา หรืออื่น ๆ ที่จำเป็นเหมาะสมกับการดำเนินงาน ขณะที่การขอสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากกระทรวงการคลัง ยังมีการคุยรายละเอียดกันอยู่ แต่สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในปัจจุบัน ภาครัฐต้องดูว่าจะสามารถช่วยตรงไหนก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาในการพิจารณา

ขณะเดียวกันมองว่าการที่รัฐบาลเตรียมเจรจากับสหรัฐ ที่หาแนวทางเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสหรัฐ และเป็นการแก้ปัญหาที่ได้ประโยชน์แบบวิน-วินทั้งไทยและสหรัฐ หากการเจรจาสำเร็จในระดับหนึ่งอาจเป็นจุดพลิกผันให้ตลาดทุนไทยฟื้นได้ ประกอบกับมาตรการ Jump+ ของตลท.ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพบริษัทจดทะเบียน อาจกระตุ้นให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจมากขึ้น ซึ่งมาตรการ Jump+ ยังเดินหน้าตามกำหนดการเดิม โดยล่าสุดได้รับอนุมัติเงินสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) เรียบร้อยแล้ว เพื่อสนับสนุนการทำระบบวิเคราะห์สถานะการเงินของบริษัท กำลังการแข่งขันเทียบกับอุตสาหกรรม การจ้างที่ปรึกษา หรืออื่น ๆ ที่จำเป็นเหมาะสมกับการดำเนินงาน ขณะที่การขอสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากกระทรวงการคลัง ยังมีการคุยรายละเอียดกันอยู่ แต่สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในปัจจุบัน ภาครัฐต้องดูว่าจะสามารถช่วยตรงไหนก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาในการพิจารณา

นอกจากนี้ตลท.และกระทรวงการคลัง ได้มีการพูดคุยหารือถึงมาตรการต่าง ๆ ที่จะช่วย กระตุ้นตลาดทุนอยู่ตลอด และเป็นโอกาสดีที่ ในเดือนพ.ค. เป็นช่วงที่ทุกคนสามารถลงทุน Thai ESGX ได้แล้ว ซึ่งเป็นจังหวะดีที่จะมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาในช่วง 2 เดือนข้างหน้า ส่วนกองทุนวายุภักษ์ที่มีความกังวลว่าจะมีการเทขายออกมา จากที่คุยกับนางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) ในฐานะผู้จัดการกองทุนวายุภักษ์ ยังยืนยันว่าไม่มีการขายหุ้นออกมา และยังมีเงินเหลือมากพอที่จะเข้าซื้อ

"ข้อดีของตลาดหุ้นไทยคือเราปรับตัวลงมามากกว่าตลาดอื่นในช่วงแรก จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวกระทบตลาดค่อนข้างน้อย สะท้อนว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมยังแข็งแรง อาจอยู่ในพื้นฐานที่อยากให้โตมากกว่านี้ แต่ดาวน์ไซด์ถือว่าน้อย หากรัฐบาลเจรจาภาษีได้ อาจเป็นตัวพลิกให้ไทยกลับมาเจริญเติบโตได้มากกว่าเดิม"

สำหรับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ จากข้อมูลทีมวิเคราะห์ของตลท.ประเมินผลกระทบโดยตรงกับบริษัทจดทะเบียนน้อย เนื่องจากรายได้ของบริษัทจดทะเบียนที่มาจากสหรัฐมีเพียง 2% ของรายได้ทั้งหมด แต่ยังมีผลกระทบทางอ้อมที่ประเมินได้ยาก เพราะไทยเป็นคู่ค้ากับจีนค่อนข้างมาก ต้องติดตามสินค้าที่ซื้อขายจะถูกส่งไปยังประเทศใด ลดความต้องการสินค้าจากประเทศไทยมากน้อยแค่ไหน เป็นประเด็นที่ต้องวิเคราะห์อีกมาก อย่างไรก็ตามเชื่อว่ามีอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์ด้วย ต้องคอยติดตามว่าอุตสาหกรรมใดได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ แต่ที่สำคัญคือใครจะปรับตัวได้รวดเร็วในสถานการณ์ที่ผันผวนแบบนี้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง