รีเซต

ออสเตรเลียยกเลิกรับรอง ‘เยรูซาเลม’ เป็นเมืองหลวงอิสราเอล

ออสเตรเลียยกเลิกรับรอง ‘เยรูซาเลม’ เป็นเมืองหลวงอิสราเอล
TNN ช่อง16
18 ตุลาคม 2565 ( 12:44 )
78

เพนนี หว่อง รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย ประกาศในวันนี้ว่า ออสเตรเลียได้กลับคำตัดสินใจของรัฐบาลชุดก่อนที่รับรองเยรูซาเลมตะวันตก เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล 


---ออสเตรเลียเตรียมรับรอง ‘กรุงเทล อาวีฟ’ เป็นเมืองหลวงอิสราเอล--- 

 

รัฐบาลชุดปัจจุบันสายซ้ายกลางที่นำโดยพรรคแรงงาน เห็นพ้องที่จะรับรองกรุงเทล อาวีฟ เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และยืนยันว่า สถานะของเยรูซาเลมนั้น ต้องมีการแก้ไขผ่านการเจรจาที่สันติระหว่างอิสราเอล และปาเลสไตน์

 

หว่องกล่าวว่า ออสเตรเลียยึดมั่นในแนวทางสองรัฐ ที่อิสราเอลและปาเลสไตน์จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติและมีความมั่นคง ด้วยการยอมรับด้านเขตแดนของนานาชาติ และออสเตรเลียจะไม่สนับสนุนแนวทางใด  ที่บั่นทอนเรื่องนี้

 

ทั้งนี้ รัฐบาลพรรคอนุรักษ์นิยมของสก็อตต์ มอร์ริสัน ได้รับรองเยรูซาเลมตะวันตก เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2018 แต่สถานเอกอัครราชทูตของออสเตรเลียนั้น ยังคงตั้งอยู่ในกรุงเทล อาวีฟ จนกว่าจะมีการตกลงท้ายสุดเรื่องแนวทางสองรัฐแล้วเสร็จ

 

---ออสเตรเลียปรับเปลี่ยนตามสหรัฐฯ---


ขณะที่พรรคแรงงาน ซึ่งเป็นฝ่ายค้านในตอนนั้น คัดค้านการตัดสินใจของมอร์ริสัน โดยชี้ว่า มีแต่ความเสี่ยงและไม่ได้อะไร ฝ่ายค้าน จะหาทางเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจนี้

 

การรับรองของรัฐบาลมอร์ริสันนั้น ตามรอยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐฯ ที่ใช้มานานหลายทศวรรษ ด้วยการรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และย้ายสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ จากเทล อาวีฟ ไปยังเยรูซาเลม 


ต่อมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของรัฐบาลชุดก่อน ขณะที่สหรัฐฯ ถอยจากการเป็นผู้ไกล่เกลี่ยระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ โดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีการเจรจาสันติภาพอย่างจริงจังกันมามากกว่าหนึ่งทศวรรษแล้ว   

 

หว่องกล่าวว่า การที่มอร์ริสันตัดสินใจเช่นนั้น เป็นการล้ำเส้นและเป็นความพยายามในการเอาชนะการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ซิดนีย์ ซึ่งมีประชากรยิวเป็นจำนวนมาก โดยพรรคเสรีนิยมของมอร์ริสัน ส่งผู้สมัครเชื้อสายยิวลงชิงชัยในตอนนั้น

 

อย่างไรก็ตาม พรรคของมอร์ริสันพ่ายแพ้การเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังปกครองออสเตรเลียมานานถึง 9 ปี 

 

---เยรูซาเลม’ เมืองโบราณใจกลางความขัดแย้ง---

 

ทั้งนี้ การตัดสินใจของทรัมป์ และตามมาด้วยออสเตรเลียในเวลานั้น ดับฝันของชาวปาเลสไตน์ที่เรียกร้องการมีสถานะเป็นรัฐ และทำให้โลกมุสลิมไม่พอใจ 

 

เยรูซาเลม ถือเป็นเมืองโบราณที่ถือเป็นใจกลางของความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ และมีความสำคัญทางศาสนา มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งสำหรับชาวยิว มุสลิม และคริสต์ โดยเรื่องสถานะของเยรูซาเลมนั้น เป็นหนึ่งในอุปสรรคที่สำคัญที่สุดของความพยายามหลายครั้ง ในการบรรลุข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ด้วย

 

อย่างไรก็ตาม หลังการก่อตั้งรัฐอิสราเอลในปี 1948 อิสราเอลได้ตั้งรัฐสภาขึ้นทางตะวันตกของเยรูซาเลม และต่อมาทำสงครามกับชาติอาหรับ จนกระทั่ง อิสราเอลยึดพื้นที่ทางตะวันออกของเยรูซาเลมได้ในปี 1967 และผนวกพื้นที่ดังกล่าวเป็นของอิสราเอลในปี 1980 โดยที่นานาชาติไม่ยอมรับ 

 

อิสราเอลย้ำเสมอมาว่า เยรูซาเลมทั้งหมดนั้นเป็นเมืองหลวงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงและไม่อาจแบ่งแยกได้ 

 

ขณะที่ปาเลสไตน์นั้น มีความหวังว่าจะได้เยรูซาเลมตะวันออกเป็นเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต โดยประชากรที่อยู่ในเยรูซาเลมนั้น ราวหนึ่งในสามเป็นชาวปาเลสไตน์ และหลายครอบครัวอาศัยในพื้นที่ดังกล่าวสืบทอดกันมาหลายร้อยปีแล้ว 


ด้านอิสราเอลได้มีการย้ายชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเยรูซาเลมตะวันออกอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

—————

แปล-เรียบเรียงธันย์ชนก จงยศยิ่ง 

ภาพ: Reuters


ข้อมูลอ้างอิง:

1, 2

ข่าวที่เกี่ยวข้อง