ALTขยายโครงข่ายทำเงิน อัพฐานลูกค้าใหม่ต่อยอด
#ALT #ทันหุ้น – ALT งานไหลเข้าพอร์ตหนุนไตรมาส 2/2565 ฟอร์มแจ่ม แถมทุ่มงบ 500-600 ล้านบาทสยายปีกโครงข่ายรับทรัพย์ เตรียมพร้อมชิงประมูลโครงการ-ขยายฐานลูกค้า –ธุรกิจใหม่ๆ ต่อยอดหวังเสริมการเติบโตในอนาคต โชว์แบ็กล็อกที่มีอยู่ในมือกว่า 3 พันล้านบาท
นางปรีญาภรณ์ ตั้งเผ่าศักดิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ALT เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลงานในไตรมาส 2/2565ดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะมีรายได้จากลูกค้าในส่วนของโครงข่ายเคเบิลใยแก้วเข้ามาเพิ่มเติม ประกอบกับรายได้จากธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปในรูปแบบสัญญาระหว่างบุคคลหรือองค์กร (ไพรเวตพีพีเอ) มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น นอกเหนือ จากงานบริการติดตั้งเสาสื่อสารของผู้ประกอบการค่ายโทรศัพท์มือถือต่างๆ ที่ขยายตัวมากขึ้น
ทุ่มอัพฐานโครงข่าย
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่กว่า 3 พันล้านบาท จากโครงการในส่วนต่างๆ อาทิ การให้บริการเช่า, การจัดหาไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่งน่าจะสามารถรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปจนถึง 10 ปีนับจากนี้ รวมทั้งยังมีแนวทางเข้าประมูลงานและขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะในส่วนของโครงการรูฟท็อป หวังช่วยเสริมการเติบโตของธุรกิจในอนาคตอีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งงบลงทุนราว 500-600ล้านบาท เพื่อการพัฒนาโครงการสถานีเคเบิ้ลใต้น้ำระหว่างประเทศ ในจังหวัดสตูล และวางระบบโครงข่ายสื่อสารใยแก้วนําแสงเพื่อเชื่อมต่อศูนย์ข้อมูล (Data Centers) ตามความต้องการของลูกค้า โดยบริษัทได้ตกลงเข้าทําสัญญากับลูกค้าในการให้บริการโครงข่ายเป็นระยะเวลา 5-10 ปี คาดว่าในส่วนของสถานีเคเบิลใต้น้ำในจังหวัดสตูลและเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป และที่เหลือจะทยอยต่อเนื่องในปีถัดไป
รับทรัพย์รูฟท็อป
ด้านธุรกิจให้บริการจัดหาไฟฟ้าในลักษณะโครงการระบบผลิตไฟฟ้าจากแผงเซลล์บนหลังคา (รูฟท็อป) ในสัญญาแบบระหว่างเฉพาะเจาะจงระหว่างองค์กร (ไพร์เวทพีพีเอ) นั้นปัจจุบันมีกำลังผลิตที่ลูกค้าลงนามเซ็นสัญญาแล้วประมาณ 11 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งมีอายุสัญญาระหว่าง 10-20 ปี และประเมินว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมทั้งหมดประมาณ 650 ล้านบาท หรือคิดเป็นราว 40 ล้านบาทต่อปี ซึ่งการลงทุนในลงทุนในส่วนนี้ทาง ALT จะเป็นผู้ดำเนินการติดตั้งและทางลูกค้าจะชำระเป็นค่าไฟฟ้าแบบมีส่วนลด โดยมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนราว 9%หรือน่าจะสามารถถึงคุ้มทุนของเงินลงทุนได้ใน 8 ปี
"ที่ผ่านมาเรามีการผันตัวจากธุรกิจ สื่อสารมาเป็นธุรกิจไฟฟ้านั้นเพราะมองแนวโน้มรายได้ทางด้านการสื่อสารที่เปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยี อาทิ สมัยก่อนการโทรศัพท์ไปต่างประเทศมีค่าใช้จ่ายที่สูง แต่ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้เกิดการโทรผ่านดาต้า ซึ่งแทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายเลย ขณะที่ธุรกิจไฟฟ้ามีการขยายตัวมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมองเป็นโอกาสขยายช่องทางสร้างรายได้ให้กับธุรกิจ"
New S-Curveต่อยอด
บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) คาดหวังปี 2565 บริษัทจะสามารถพลิกฟื้นจากขาดทุนปี ก่อนได้
จากภาพผลการดำเนินงานที่เห็นได้ถึงการทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจให้เช่าที่สามารถพลิกกลับเป็นกำได้ต่อเนื่อง 3 ไตรมาสติดต่อกัน พร้อมทั้งทำรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทำให้เรามองการสร้าง New S-Curve ของบริษัทเป็นไปได้ตามแผนที่ตั้งใจไว้
ขณะที่งานธุรกิจพลังงานอัจฉริยะ ได้ร่วมมือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นโครงการนำร่องและมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐจะขยายขนาดโครงการในหัวเมืองสำคัญ ซึ่งบริษัทได้ลงทุนเข้าซื้อกิจการบริษัท เอ็นเนอร์จี แม็คซ์ จำกัด ซึ่งผลิต Smart Meter ให้กับการไฟฟ้าเพื่อรองรับการเติบโตจึงทำให้คาดได้ประโยชน์ในประเด็นดังกล่าว ทั้งนี้บริษัทยังมีโครงการอื่นในมือใหม่ ๆ เพื่อต่อยอด S-Curve เช่น ติดตั้งเสาไฟอัจฉริยะ (Smart Pole) เป็นต้น ประเมินราคาพื้นฐาน 2.64 บาท