PTGปีเสือกลับมาแกร่ง ลุยนอนออยล์อัพมูลค่า
#PTG #ทันหุ้น- PTG เล็งไตรมาส 1/2565 ยอดขายน้ำมันคึกคัก ตามภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น ตั้งเป้าทั้งปียอดขายเติบโต 8-10% ทุ่มงบ 4,000 ล้านบาท บุกธุรกิจ Non-Oil เต็มสูบ หวังผลักดันสัดส่วนยอดขายแตะ 10% จากยอดขายรวม ด้านโบรกมองปีเสือผลงานกลับมาแกร่ง
นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยทิศทางผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 บริษัทมองว่าเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยวอลุ่มการขายเริ่มเติบโตตามการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน และตามภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และยังคงประมาณการยอดขายน้ำมันปี 2565 จะเติบโตประมาณ 8-10% ส่วนภาวะ โควิด-19 ที่แพร่ระบาดอยู่ปัจจุบันถือว่าไม่ได้มีความกังวลมากนัก โดยประชาชนเริ่มอยู่กับสถานการณ์นี้ได้และออกมาใช้ชีวิตตามปกติ
บุกธุรกิจ Non-oil
สำหรับธุรกิจ Non-oil ปีนี้ถือว่าเป็นไฮไลต์สำคัญ เนื่องจากในปีที่ผ่านมามีการเติบโตสูง โดยบริษัทเตรียมจะลงทุนขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทย 300 สาขา ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปี 2565 จะมีร้านกาแฟพันธุ์ไทยทั้งหมด 600 สาขา รวมถึง ขยายซูเปอร์มาร์เก็ตในสถานีบริการน้ำมัน และขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มเติม 80-100 สาขา เเละขยายสาขา ออโต้แบคส์ (AUTOBACS THAILAND) ศูนย์บริการเปลี่ยนยาง เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง อีกราว 30 สาขา เเละใช้เพื่อลงทุนในธุรกิจอื่นๆ เช่น โรงไฟฟ้า และดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ ที่จะนำเข้ามาเสริมในการทำธุรกิจ รวมงบลงทุนในปี 2565 ที่ ประมาณ 4,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดีบริษัทมุ่งหวังว่าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Non-oil ให้อยู่ในระดับที่ 10% จากปัจจุบันยังมีสัดส่วนรายได้ที่น้อยมาก
ส่วนธุรกิจปาล์มน้ำมัน และธุรกิจ LPG มีทิศทางที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขาย LPG ที่ใช้ในกลุ่มออโต้ เป็นอันดับ 1 ส่วน LPG ที่ใช้ในภาคครัวเรือน บริษัทเติบโตขึ้นมาเป็นอันดับที่ 4 จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ลำดับที่ 6 โดยบริษัทมุ่งหวังว่าจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และคาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่ง ได้ในช่วงไตรมาสที่ 2/2565 นี้ และเดินหน้านำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลำดับถัดไป
ปีเสือกลับมาแกร่ง
บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย เวลท์ จำกัด ระบุว่าผลประกอบการปี 2565 ของบริษัทจะกลับมาเติบโตอีกแม้ว่าบริษัทยังมีปัจจัยเสี่ยง โดยบริษัทเน้นธุรกิจ Non-oil มากขึ้น โดยเฉพาะกาแฟพันธุ์ไทย โดยตั้งงบลงทุนในปี 2565 ไว้ที่ 4,000 ล้านบาท จากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าธุรกิจน้ำมันราว 3-7 เท่า โดยกาแฟพันธุ์ไทยเตรียมทำการตลาดและตั้งเป้าขยายสาขาเป็น 500 สาขา
ขณะที่ธุรกิจน้ำมันยังคงมีสัดส่วนรายได้หลัก บริษัทจะเน้นขยายสถานีบริการที่มีศักยภาพมากขึ้น โดยตั้งเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเติบโต 8-10% ในปี 2565 คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 18.20 บาท มองว่าหากการตรึงราคาน้ำมันดีเซลของภาครัฐถูกยกเลิกในปลายเดือน มีนาคม 2565 รวมถึงราคาน้ำมันในตลาดโลกค่อยๆปรับตัวลดลง จะเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทในอนาคต
เคาะเป้าหมาย 19.20 บ.
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/2564 เป็นจุดต่ำสุดของปี และปรับประมาณการปี 2565 ลงราว -21% เป็น 1,460 ล้านบาท (+56% YoY) เนื่องจากระดับราคาน้ำมันโลกที่อยู่ในระดับสูงในช่วงไตรมาส 1/2565 จะเป็นปัจจัยกดดันค่าการตลาดน้ำมันในช่วงไตรมาส 1/2565
อย่างไรก็ตามบริษัทเริ่มมีการปรับราคาน้ำมันให้สอดคล้องกับราคาต้นทุนมากขึ้น จึงมองว่าผลกระทบ
จะน้อยกว่าไตรมาส 4/2564 โดยคาดค่าการตลาดน้ำมันในปี 2565 ที่ 1.79 บาทต่อลิตร นอกจากนี้ปี 2565 จะเป็นปีแรกที่ธุรกิจ F&B ของบริษัทพลิกกลับมาเป็นกำไร จึงมองว่าผลประกอบการของ PTG จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องและกลับมาอยู่ในระดับปกติในปี 2566 ประเมินราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565เป็น 19.20 บาท