วัณโรคเทียม! หมอมนูญ ยกเคสผู้ป่วยหญิงติดเชื้อ หลังปลูกต้นไม้เทปุ๋ยคอก
ผู้ป่วยหญิงอายุ 64 ปี บ้านอยู่จังหวัดเพชรบูรณ์ ปกติแข็งแรงดี เริ่มมีไข้ ไอ มีเสลดข้นเหนียวกลางวันกลางคืน เหนื่อย 4 วัน ไม่มีน้ำมูก ไม่เจ็บคอ ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2567 ตรวจไม่พบโควิด ไปรักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน ได้ยาปฏิชีวนะ ไข้ลง แต่ยังไอมีเสลดมาก น้ำหนักลด 3 กิโลกรัม เคยติดโควิดแล้ว 1 ครั้ง ไม่สูบบุหรี่ มารพ.วิชัยยุทธวันที่ 30 เมษายน 2567 งานอดิเรกทำสวน ปลูกต้นไม้ ใส่ปุ๋ยคอกทำจากมูลวัวเทรอบต้นไม้ในเนื้อที่ 1 ไร่ 60 ถุง ทุก 2 เดือน ทำมา 1 ปีกว่าแล้ว
ตรวจร่างกาย ฟังปอดมีเสียงผิดปกติทั้ง 2 ข้าง เอกซเรย์ปอดผิดปกติเข้าได้กับหลอดลมโป่งพองทั้ง 2 ข้าง ทำคอมพิวเตอร์ปอดเห็นหลอดลมโป่งพองในปอดทั้ง 2 ข้างส่งเสมหะย้อมเชื้อหาวัณโรค AFB smear ให้ผลบวก
วินิจฉัย: โรคหลอดลมโป่งพอง สงสัยติดเชื้อวัณโรค หรือวัณโรคเทียม จึงให้ยา INH,rifampicin,ethambutol รักษาวัณโรค ร่วมกับ azithromycin รักษาวัณโรคเทียม 2 สัปดาห์ หลังกินยาดีขึ้น หยุดไอ ไม่มีเสมหะ ผลเพาะเชื้อขึ้นเชื้อวัณโรคเทียม 3 ชนิด คือ M.fortuitum, M. intracellulare และ M. gordonae เมื่อทราบผลเพาะเชื้อได้หยุดยาทุกชนิดก่อน ขอเก็บเสมหะอีกครั้งแต่เก็บไม่ได้ เพราะไม่มีเสมหะ แนะนำให้หยุดการเทปุ๋ยรอบต้นไม้ในสวน
ผู้ป่วยรายนี้คงติดเชื้อวัณโรคเทียม 3 ชนิด จากการหายใจเชื้อโรคลอยขึ้นมาในอากาศเวลาเทปุ๋ยคอกลงบนพื้นดิน มีการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา ตรวจพบเชื้อวัณโรคเทียมหลายชนิดลอยขึ้นมาในอากาศในห้องปฏิบัติการเวลาเทปุ๋ยดินปลูก (Potting Soils) ซึ่งเป็นสินค้าขายในท้องตลาดลงบนพื้น คนไข้รายนี้มีเชื้อวัณโรคเทียม 3 เชื้อในเสมหะเหมือนที่แยกจากละอองลอยจากดินปลูกในห้องปฏิบัติการในประเทศสหรัฐอเมริกา
คนทั่วไปที่ปอดปกติ เมื่อหายใจเชื้อวัณโรคเทียมเข้าไป ไม่ก่อให้เกิดโรค แต่คนที่มีโรคปอด เช่นมีโรคหลอดลมโป่งพอง เคยป่วยเป็นวัณโรค ควรหลีกเลี่ยงไม่อยู่ในบริเวณที่คนกำลังเทปุ๋ยลงบนพื้นดิน หรือเทปุ๋ยลงบนพื้นดินด้วยตัวเอง ถ้าต้องเทปุ๋ยลงบนพื้นดินด้วยตัวเอง ต้องใส่หน้ากากป้องกันเชื้อโรค เช่น N95 เพื่อป้องกันหายใจเชื้อวัณโรคเทียมที่ลอยขึ้นมาในอากาศเข้าปอด เพราะทำให้เกิดโรคได้อย่างผู้ป่วยรายนี้
วัณโรคปอดมีอาการอย่างไร ข้อมูลจาก MedPark Hospital
วัณโรคมีอยู่ 2 ประเภท คือ วัณโรคแฝง และ วัณโรคระยะแสดงอาการหรือระยะกำเริบ คนที่มีวัณโรคแฝงจะไม่แสดงอาการและวัณโรคชนิดนี้จะไม่แพร่กระจายไปยังบุคคลอื่น อย่างไรก็ดี วัณโรคแฝงอาจกลายมาเป็นวัณโรคระยะแสดงอาการหรือระยะกำเริบได้ และจำเป็นต้องได้รับการรักษาเช่นเดียวกัน ในขณะที่วัณโรคระยะแสดงอาการหรือระยะกำเริบนั้นทําให้ผู้ป่วยมีอาการของวัณโรค และสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้
ผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคระยะแสดงอาการหรือระยะกำเริบอาจมีอาการดังต่อไปนี้:
-มีอาการไอเรื้อรังยาวนานถึง 3 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น
-ไอแล้วเสมหะมีเลือดปนออกมา
-มีอาการเจ็บหน้าอก ขณะหายใจหรือไอ
-มีอาการเหนื่อยง่ายกว่าปกติ
-มีน้ำหนักลดแบบไม่ทราบสาเหตุ
-มีอาการอ่อนเพลีย
-มีไข้ หรือมีเหงื่อออกในเวลากลางคืน
-รู้สึกหนาวสั่น
-รู้สึกไม่อยากอาหาร
โดยทั่วไปแล้ว วัณโรคอาจเป็นกันได้ตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายนอกเหนือจากปอดก็ได้ เช่น ไต กระดูกสันหลัง หรือสมอง โดยจะมีอาการแตกต่างกันไปตามบริเวณร่างกายที่เกิด เช่น ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดหลังหากวัณโรคลงกระดูกสันหลัง และผู้ป่วยอาจมีเลือดในปัสสาวะหากวัณโรคลงไต
สาเหตุของวัณโรคปอด
โดยทั่วไปแล้ว วัณโรคปอดมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis ที่ทำให้เกิดโรค ที่รับผ่านกันมาจากละอองฝอยทางอากาศ วัณโรคเป็นโรคติดต่อ แต่ก็ไม่ได้ติดกันง่าย ๆ ซึ่งหมายความว่า ผู้ป่วยมีแนวโน้มที่จะติดโรคจากคนใกล้ชิดหรือคนที่ทํางานด้วยกัน ไม่ใช่คนแปลกหน้า อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีเชื้อเอชไอวีหรือเอดส์จะได้รับเชื้อและเกิดวัณโรคง่ายกว่าคนทั่วไป เนื่องจากมีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ นอกจากนี้ เชื้อวัณโรคบางชนิดมีการดื้อยา โดยเฉพาะกลุ่มยาไอโซไนอาซิดและไรแฟมพิซิน