ตร.หญิงส่อถูกจำคุกยาว อ้างไม่ขึ้น หยิบปืนผิดกระสุนจริงยิงดับผิวดำ
ตร.หญิงส่อถูกจำคุกยาว - เอพี รายงานการตัดสินคดีใหญ่ในวงการตำรวจสหรัฐอเมริกา เมื่อตำรวจหญิงประจำเมืองบรูกลีนเซ็นเตอร์ รัฐมินเนโซตา มีความผิดฐานฆาตกรรมนายดอนเต ไรต์ หนุ่มผิวดำ แม้อ้างว่าหยิบปืนผิด จากที่ตั้งใจจะหยิบปืนชอร์ตไฟฟ้า แต่กลับหยิบปืนจริง
https://youtu.be/4ra92oXwZbw
คณะลูกขุน 12 คน ส่วนใหญ่เป็นคนผิวขาวใช้เวลาประมาณ 27 ชั่วโมงในเวลา 4 วัน ก่อนที่ตัดสินให้ คิม พอตเตอร์ ผู้ก่อเหตุขณะเป็นนายตำรวจหญิง มีความผิดตามข้อกล่าวหาฆาตกรรมโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ทันทีที่ศาลอ่านคำตัดสิน พ่อแม่ของผู้ตายก็หลั่งน้ำตา ส่วนผู้สนับสนุนพากันฉลองและร้องตะโกนว่า “มีความผิด มีความผิด มีความผิด” หลังจากทวงคืนความยุติธรรมให้กับชาวอเมริกันผิวดำที่ต้องเสียชีวิตเพราะตำรวจผิวขาว
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2564 หลังกระแสต่อต้านปฏิบัติการของตำรวจผิวขาวต่อคนผิวดำ จากคดีจอร์จ ฟลอยด์ ถูกตำรวจดีเรก ชอวิน ใช้เข่ากดคอจนขาดใจตาย ส่วนคดีใหม่นี้ นายตำรวจหญิงพยายามจะจับกุมนายไรต์ฐานพกอาวุธซึ่งจุดเกิดเหตุ
คณะลูกขุนดูคลิปวิดีโอจากกล้องที่ติดตัวตำรวจและกล้องหน้ารถ เห็นไรต์ถูกดึงตัวออกไป ขณะที่ตำรวจอีกนายพยายามใส่กุญแจมือ พอตเตอร์ย้ำว่าจะใช้ปืนไฟฟ้า แต่กลับใช้ปืนจริงยิงเข้ากลางหน้าอกของไรต์
พอตเตอร์สบถและพูดว่า “ฉันเพิ่งยิงเขา ฉันคว้าปืนผิด ฉันจะต้องติดคุก” และระหว่างให้การ พอตเตอร์ร้องไห้เป็นบางครั้ง พร้อมกล่าวว่าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อนายไรต์ถูกยิงตายอีกคดี จึงจุดกระแสความโกรธแค้นและการประท้วงด้านนอกสถานีตำรวจบรูกลีน เซ็นเตอร์ จนเกิดการปะทะกับตำรวจนานหลายคืน
คดีนายตำรวจหญิงนี้ ผู้พิพากษาเรจินา ชู แจ้งว่าจะอ่านบทลงโทษวันที่ 18 ก.พ. ระหว่างนี้ไม่อนุญาตให้ประกันตัว ขณะที่อัยการเสนอให้พอตเตอร์ต้องโทษจำคุก 7 ปี ตามกฎหมายของรัฐ
ด้านทีมทนายของพอตเตอร์แย้งว่าจำเลยควรได้รับการประกันตัวกว่าจะตัดสิน เพราะจำเลยไม่มีทางจะไปก่อเหตุใดอีก หรือเดินทางไปที่อื่นในช่วงเทศกาลวันหยุดและเธอเป็นชาวคาธอลิก จึงไม่ควรจำคุกในเวลานี้ แต่ผู้พิพากษาชูปฏิเสธคำร้องเพราะคดีนี้ต่างจากคดีอื่นๆ
ก่อนหน้านี้ พอตเตอร์ได้รับการปล่อยตัวโดยยื่นเงินประกัน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,200,000 บาท เมื่อเดือน เม.ย. หลังจากสังหารไรต์ได้ 3 วัน และหลังจากลาออกได้เพียงวันเดียว
ระหว่างที่พอตเตอร์เดินออกจากห้องพิจารณาคดีโดยสวมกุญแจมือ ครอบครัวของอดีตตำรวจตะโกนว่า “รักเธอ คิม” ‘ ส่วนทนายของจำเลยออกจากศาลโดยไม่ได้ให้ความเห็นใดๆ
แม้พอตเตอร์ไม่แสดงสีหน้าตลอดเวลาที่อยู่ในศาล แต่จากรูปภาพที่ถ่ายได้ระหว่างส่งตัวเข้าเรือนจำหญิงแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังยิ้ม
หลังจากพอตเตอร์ออกจากห้องพิจารณาคดีแล้ว อัยการอีริน เอลดริดจ์ ร้องไห้และสวมกอดกับ เคธี ไบรอันต์ แม่ของไรต์และคุยกับพ่อของไรต์ ขณะที่อัยการเอลลิสันสวมกอดพ่อแม่ของไรต์เช่นกัน
เอลลิสันกล่าวนอกศาลว่าความยุติธรรมจะฟื้นคืนดอนเตให้มีชีวิตและทำให้ครอบครัวไรต์สมบูรณ์อีกครั้ง ขณะที่รู้สึกเห็นใจพอตเตอร์ที่ต้องโทษข้อหาอาญาร้ายแรง
แม่ของผู้ตาย กล่าวกับกลุ่มผู้สนับสนุนว่า "วันนี้เราได้ทวงคืนสิ่งที่เราเรียกร้องตั้งแต่แรก" พร้อมขอบคุณผู้สนับสนุนว่าจะไม่มีวันนี้ ถ้าไม่มีผู้ให้กำลังใจ
ระหว่างการไต่สวนคดีนี้ อัยการกล่าวว่าหาปัจจัยอื่นๆ มาประกอบให้รุนแรงขึ้น นอกการการตัดสินตามคำแนะนำตามกฎหมายรัฐ อัยการเห็นว่าการกระทำของพอตเตอร์เป็นอันตรายต่อผู้อื่น รวมทั้ง ตำรวจคนอื่นๆ ผู้โดยสารที่มากับไรต์และสามีภรรยาที่ขับรถมาชนรถของไรต์หลังจากถูกยิง อัยการยังกล่าวหาว่าพอตเตอร์ใช้อำนาจในทางมิชอบ
ด้านทนายความของพอตเตอร์กล่าวว่าลูกความทำความผิดใหญ่หลวง แต่เธอมีความชอบธรรมในการใช้อำนาจดังกล่าวเพราะมีความเป็นไปได้ที่เพื่อนร่วมงาน คือ สิบตำรวจเอกมิชาล จอห์นสัน อาจตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกลากไปด้วย หากไรต์ขับรถออกจากป้ายหยุดรถ พอตเตอร์จึงต้องลงมือยิง หลังจากเห็นว่าจอห์นสันแสดงสีหน้าว่ากลัว
แต่อัยการชี้ให้คณะลูกขุนเห็นว่าพอตเตอร์อยู่ข้างหลังตำรวจคนที่ 3 และจอห์นสันไม่ได้เดินเข้ามาในมุมกล้อง จนกระทั่ง กระสุนยิงออกไปแล้ว ภาพแสดงให้เห็นว่าจอห์นสันผงกศีรษะไปข้างหลัง ขณะถอยหลังและไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางอย่างชัดเจนว่ากลัวที่จะถูกรถลากไป เขาไม่เคยพูดว่ากลัวและไม่ได้กล่าวคำให้การในศาล
สำหรับโทษสูงสุดความผิดฐานการฆ่าผู้อื่นเพื่อบันดาลโทสะหรือถูกยั่วยุ คือ จำคุก 15 ปี ซึ่งกฎหมายรัฐมินเนโซตาตัดสินให้มีโทษดังกล่าวเฉพาะผู้ทำความผิดร้ายแรง ทำความผิดซ้ำกันกับเหยื่อรายเดิม แต่คดีนี้อัยการเสนอโทษจำคุกไป 7 ปี
......