ไทยยังไม่ปล่อยเชลยศึกกัมพูชา รอดำเนินการตามตกลง ย้ำ 4 เงื่อนไขต้องมาก่อน

นาย สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เผยความคืบหน้าหลังเสร็จสิ้นการหารือสันติภาพ 4 ฝ่ายระหว่างไทย กัมพูชา มาเลเซีย และสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยระบุว่าที่ประชุมได้ร่วมกันจัดทำ “เอกสารคำประกาศความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา” ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เพื่อลดความตึงเครียดตามแนวชายแดน และส่งเสริมความร่วมมือในประเด็นความมั่นคงเร่งด่วน

ไทยย้ำ 4 เงื่อนไขหลักต้องมาก่อน: ปลดอาวุธ–กู้ระเบิด–ปราบอาชญากรรมข้ามชาติ–แก้รุกล้ำดินแดน

ตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ได้กำหนดไว้ ไทยให้ความสำคัญกับ 4 เงื่อนไขหลักในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ ได้แก่:

1. การถอนอาวุธหนักบริเวณชายแดน
   
   

2. การเก็บกู้ทุ่นระเบิดและระเบิดตกค้างจากพื้นที่ปะทะเดิม
   
   

3. การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะขบวนการหลอกลวงไซเบอร์
   
   

4. การแก้ไขปัญหาการลุกล้ำดินแดนอย่างสันติวิธี
   
   

การพูดคุยระหว่างไทย–กัมพูชาในครั้งนี้มีความคืบหน้า โดยเฉพาะเรื่องการถอนกำลังทหารและการกู้กับระเบิด ซึ่งจะมีการประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา (GBC) ในวันที่ 20–21 ตุลาคมนี้ เพื่อสรุปแผนปฏิบัติการและลงรายละเอียดทางเทคนิคให้ชัดเจน

สำหรับกระแสข่าวจากฝั่งกัมพูชาเรื่องการปล่อยตัวเชลยศึก 18 รายที่ถูกควบคุมตัวในฝั่งไทย สีหศักดิ์ยืนยันว่า “ขณะนี้ยังไม่มีการปล่อยตัว” โดยระบุว่าในเอกสารคำประกาศฯ ได้เขียนชัดว่า การพิจารณาปล่อยตัวเชลยศึกจะเกิดขึ้น “หลังจากที่มีการดำเนินการตามข้อตกลงทั้ง 4 ประเด็นก่อน” รัฐมนตรีสีหศักดิ์ยังระบุว่า “เราต้องการสร้างความไว้วางใจในความสัมพันธ์กับกัมพูชา และเราย้ำเสมอว่าต้องมีแผนงาน มีการดำเนินการจริงก่อน ไม่เช่นนั้นจะเป็นเพียงการตกลงในหลักการเฉย ๆ”

ในส่วนของการลงนามคำประกาศฯ เบื้องต้นมีแผนจะให้มีการลงนามร่วมระหว่างไทย–กัมพูชา ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ซึ่งจัดขึ้นที่มาเลเซีย โดยมี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เข้าร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์

ทั้งมาเลเซียและสหรัฐฯ สนับสนุนให้มีการลงนามในเวทีดังกล่าว โดยหลังจากการประชุม GBC ที่จะจัดขึ้นในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ขั้นตอนต่อไปคือให้รัฐมนตรีกลาโหมของทั้งสองฝ่ายร่วมรับรองแผนงาน ก่อนเข้าสู่กระบวนการภายในไทยผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)

ทั้งนี้ รัฐมนตรีสีหศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า บรรยากาศในการเจรจารอบล่าสุดถือว่าเป็นบวก โดยทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับการวางแผนให้เกิดผลลัพธ์จริง ไม่ใช่เพียงแค่ภาพการทูต จึงมีการย้ำว่าทุกมาตรการในเอกสารคำประกาศฯ ต้องได้รับการปฏิบัติในทางจริง ก่อนจะเดินหน้าสู่มาตรการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระยะยาว