เชื่อแป้ง! ผู้นำที่ดีทำอย่างไรให้คนเชื่อ?
"ผู้นำที่ดีต้องเป็นคนที่มีพลังงานล้นหลือ"
"ต้องเก่งในการโน้มน้าวใจ"
"ต้องเป็นคนที่รับฟังและเข้าใจคนรอบข้าง"
"ไม่ใช้ความ "ชอบ" ส่วนตัว ตัดสินการทำงาน หรือที่เรียกว่า ต้องมีความฉลาดทางอารมณ์"
"ต้องมีความรู้ความสามารถในการเข้ามารับตำแหน่ง"
"มีความเมตตา ต่อผู้คนรอบข้าง"
"ต้องมีหลัการใช้เหตุและผลในการดูแลทีม หรือปกป้องสิทธิประโยชน์ของคนในทีม"
"เปิดโอกาสให้คนรอบข้างได้แสดงความคิดเห็น"
เชื่อว่าต้องมีมากกว่า 1 ข้อที่ทุกคนอยากเห็นในตัวหัวหน้า หรือผู้นำที่ดี ที่กำลังจะก้าวเข้ามาดูแลทีม ซึ่งหลายคนอาจวาดภาพผู้นำที่ดีที่แตกต่างกันออกไป กลับกันถ้าคน ๆ นั้นที่กำลังเข้ามาสู่ตำแหน่งผู้นำ ดูท่าทีแล้วไม่มีพลังในการดูแลทีมล่ะ แล้วถ้าเขาพูดคุยกับใครเกิดไม่ชอบแล้วไม่จัดการให้ถูกต้องล่ะ เป็นแบบนี้รเขาจะสามารถดูแลทีมได้จริงหรือไหม?
เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าการก้าวสู่การเป็นหัวหน้าอาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่เรื่องยากที่สุดนั่นคือ การเป็น "หัวหน้า" และ "ผู้นำ" ที่ดีอย่างไรให้ลูกน้องเห็นด้วยในสิ่งที่คุณทำ พร้อมพาทีมให้ทำงานและส่งให้องค์กรก้าวสู่ความสำเร็จไปพร้อมกันได้ และสิ่งหนึ่งที่เราเห็นได้คือ การเป็นผู้นำนั้นไม่ได้มีเพียงแต่ "ผู้ชาย" เท่านั้น แต่ "ผู้หญิง" มีบทบาทหลากหลายด้านไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถ ทักษะเฉพาะตัวของคน ๆ นั้น มีโอกาสที่จะถูกเลือกให้ก้าวขึ้นตำแหน่ง "หัวหน้า" หรือ "ผู้นำ" ได้เช่นกัน ซึ่งเรามักจะเห็นผู้หญิงมีบทบาทการเป็นผู้นำ แถมเป็นผู้ทรงอิทธิพลไม่แพ้ผู้ชายมากขึ้น เช่น
"มาดามแป้ง" หรือ "นวลพรรณ ล่ำซำ" รับตำแหน่งผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย และยังสวมบทบาทควบคู่กับการเป็นนักธุรกิจ หรือ "จูเลีย กิลลาร์ด" นายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของออสเตรเลีย และเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของออสเตรเลีย เป็นต้น วันนี้ TrueID จะพามาเช็กลิสต์กันสักนิดว่าเรามีทักษะมากพอที่จะก้าวสู่การดูแลทีม และเป็นผู้นำที่ดีที่ทุกคนยอมรับได้อย่างไร?
1. ทำให้เกิดความร่วมมือ
แน่นอนว่าการจะนำพาทีมที่มีคนหลากหลาย หลากนิสัยที่แตกต่างกันออกไปไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะอย่าลืมว่า ไม่มีใครสามารถทำงานเพียงลำพังพาองค์สู่ความสำเร็จได้ ดังนั้น พนักงานทุกคนคือฟั่นเฟืองสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกัน รวมทั้ง "ผู้นำ" ต่อให้มีสิทธิ หรือมีอำนาจในการสั่งเพียงใด แต่หากขาดเหตุผล หรือขาดการรับฟังความคิด ความเห็นของผู้อื่น เพื่อให้ภาพรวมการทำงานเกิดปัญหาได้น้อยที่สุด ซึ่งการวางตัวและพร้อมสนับสนุนความสำเร็จของคนรอบข้างจึงเป็นคุณสมบัติความเป็นผู้นำ
2. ลูกน้องเป็นอย่างไร ผู้นำเป็นอย่างนั้น
อย่าลืมว่ารูปแบบการทำงานนั้นล้วนมาจากแบบอย่างของหัวหน้า ทั้งวิธีการทำงาน วิธีคิดในการทำงาน ให้งานราบรื่น หรือคนที่ทำงานต่อสามารถทำงานต่อได้โดยไม่ติดขัด ดังนั้น ลูกน้องจะเปรียบเสมือนกระจกสะท้อนของการเป็นผู้นำที่ดี อย่าลืมว่า มีลูกน้องบางคนที่วาดภาพและเอาแบบอย่างจากพฤติกรรมการทำงานของหัวหน้าตัวเอง
3. โฟกัสทีมงาน ต้องใส่ใจ
ขึ้นชื่อว่าคนในทีม ต้องไม่ลิมว่าแต่ละคนมีศักยภาพที่แตกต่างกันออกไป เช่น บางคนมีทักษะที่สามารถทำงานสองอย่างในเวลาเดียวกัน ขณะที่อีกคนรับผิดชอบงานที่ได้รับ หรือโฟสกัสได้อย่างเดียว และต้องใช้เวลามากกว่าคนแรก ดังนั้น การเป้นผุ้นำที่ดี ต้องเห็นศักยภาพของลูกทีมว่าแต่ละคนมีทักษะด้านไหน อย่างไรบ้าง พร้อมเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น และสนับสนุนความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ใส่ใจสภาพแวดล้อมการทำงาน ใส่ใจปัญหาที่ลูกน้องกำลังเผชิญ สิ่งสำคัญต้องรู้ว่าลูกน้องแต่ละคนรับผิดชอบอะไรอยู่บ้าง
4. ผลลัพธ์ที่ดี จะสะท้อนจุดเริ่มต้นว่า สิ่งที่ทำมาถูกทางหรือไม่?
เพราะการเรียนรู้ไม่สิ้นสุดไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหน ต้องยอมรับในสิ่งที่ไม่รู้และหาคำตอบร่วมกัน ผู้นำที่ดีต้องรับฟัง แลกเปลี่ยน หยิบยื่นความรู้ให้แก่ลูกน้องด้วยความเมตตา พร้อมปลูกฝังความรู้ แนวคิดที่ดีด้วยเหตุแลผลให้ลูกน้องซึมซับและพร้อมพัฒนาตัวเอง
5. รับฟังทุกครั้ง ให้คำปรึกษา และเปิดทุกโอกาส
การเป็นผู้นำที่ดีต้องรู้จักฟัง ไม่ตั้งแง่ ยิ่งยุคนี้ด้วยแล้วคนหลายหลาย หลากความคิดมากมาย ยอมรับความคิดที่เปิด เพิ่มมุมองด้วยเช่นกัน ให้คำปรึกษา แอคชั่นถึงปัญหาที่ลูกน้องกำลังเผชิญอย่างมีเหตุแลผล พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกน้องได้แสดงความคิดเห็น รับฟัง ได้ถกเถียงเพื่อเข้าสู่ทิศทางเดียวกันและไปถึงเป้าหมายร่วมกันได้อย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จในที่สุด
และนี่คือทักษะที่สามารถสร้างสมประสบการณ์ได้ แม้ว่าจะไม่ครบทุกข้อแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณบกพร่อง แต่สิ่งสำคัญคือ เมื่อคุณก้าวเข้าสู่การดูแลทีม เป็นหัวหน้าและผู้นำที่ดี จะสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกทีมมีพลัง มีความพยายามในการลงมือทำอย่างเต็มที่หรือไม่ สร้างความเชื่อมั่นไ้หรือไม่
เพราะผู้นำยุคใหม่ ยิ่งต้องฟัง เชื่อแป้ง!
ข่าวเกี่ยวข้อง :