รีเซต

น้ำมันขึ้นไม่เกรงใจ! กองทุนฯลั่นสู้ตาย อุ้มน้ำมันหมดหน้าตักก็ต้องทำ เพื่อคนไทย

น้ำมันขึ้นไม่เกรงใจ! กองทุนฯลั่นสู้ตาย อุ้มน้ำมันหมดหน้าตักก็ต้องทำ เพื่อคนไทย
ข่าวสด
4 มีนาคม 2565 ( 20:47 )
52

ผอ.สำนักนโยบายและแผนพลังงาน เผย กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามความเคลื่อนไหวราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ปรับตัวสูงขึ้นผันผวนต่อเนื่อง ลั่นต่อให้กองทุนหมดหน้าตักก็ต้องสู้ สู้แค่ตายก็ต้องทำ

 

วันที่ 4 มี.ค. 2565 นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นผันผวนต่อเนื่องอย่างใกล้ชิด ซึ่งยืนยันกระทรวงพลังงานได้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาอุดหนุนเพื่อพยุงราคาขายปลีกในประเทศ โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลที่ยังคงดำเนินมาตรการตรึงราคาไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร

 

“ขณะนี้ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกน่าจะผันผวนอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลไปสักระยะหนึ่ง เพราะจากการติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกจะเห็นว่าบางช่วงก็มีการปรับลดลงสลับกัน แต่ก็คงไม่ได้ลดลงไปต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในช่วงนี้แน่นอน ซึ่งเป็นระดับที่ทุกฝ่ายเฝ้าระวังว่าจะทำอย่างไรต่อไป หรือจะดำเนินมาตรการตรึงราคาขายปลีกในประเทศ โดยเฉพาะดีเซลได้อีกแค่ไหน ซึ่งหากราคาน้ำมันดิบขึ้นไปสูงสุด 120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล กองทุนจะมีเงินมาอุดหนุนต่อได้อีกกี่วัน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ทุกฝ่ายก็ต้องมาหารือกันอีกครั้ง”

 

 

ส่วนมาตรการอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือนที่ 318 บาท/ถังขนาด 15 ก.ก. ที่จะสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2565 นี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะมีการอุดหนุนเพื่อตรึงราคาไว้ตามเดิม หรืออุดหนุนส่วนหนึ่งและทยอยปรับขึ้นส่วนหนึ่งหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล

 

อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 กำหนดวินัยในการใช้เงินกองทุนไว้เพดานสูงสุด ไม่เกิน 40,000 ล้านบาท สามารถกู้เงินได้ไม่เกิน 20,000 ล้านบาท ซึ่ง ณ วันที่ 27 ก.พ.2565 ฐานะกองทุนฯ ติดลบ 21,838 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันเป็นบวก 4,988 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ติดลบ 26,826 ล้านบาท ขณะที่ยังมีเงินฝากธนาคารและเงินที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังประมาณ 19,852 ล้านบาท

 

นายวัฒนพงษ์ กล่าวย้ำว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันใกล้ชิดทุกวัน และพยายามทำทุกอย่างให้เต็มที่ โดยเฉพาะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่กำลังทำทุกวิถีทางที่จะนำเงินมาช่วยอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ เพื่อแบ่งเบาภาระความเดือดร้อนของประชาชน “ต่อให้กองทุนหมดหน้าตักก็ต้องสู้ สู้แค่ตายก็ต้องทำ ทำเพื่อคนไทยอย่างสุดความสามารถ”

 

สำหรับวันพรุ่งนี้ พีทีที สเตชั่น และ บางจาก ประกาศปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซิน และ แก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 60 สตางค์/ลิตร มีผล 5 มี.ค.2565 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป โดยราคาขายปลีกเบนซินอยู่ที่ 45.16 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 37.75 บาท/ลิตร E20 อยู่ที่ 36.64 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 37.48 บาท/ลิตร

 

ส่วนกลุ่มดีเซลทุกชนิดคงเดิม E85 อยู่ที่ 29.94 บาท/ลิตร ดีเซล B7 อยู่ที่ 29.94 บาท/ลิตร ดีเซล B10 อยู่ที่ 29.94 บาท/ลิตร ดีเซล B20 อยู่ที่ 29.94 บาท/ลิตร ดีเซลพรีเมี่ยม B7 อยู่ที่ 35.96 บาท/ลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง