ศบค.ชี้เหตุเหยื่อ "โควิด-19" มีทุกวัน เพราะสะสมจากเดือน มี.ค.
โควิด-19 เมื่อวันที่ 16 เมษายน ที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล “โควิด-19” ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ชี้แจงระหว่างแถลงความคืบหน้าของสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ว่า วันนี้ประเทศไทยพบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่ม 3 ราย รวมสะสม 46 ราย โดย 3 รายที่เสียชีวิตล่าสุด ได้แก่
รายที่ 1 นับเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 44 ชายชาวมาเลเซีย อายุ 55 ปี อาชีพเป็นผู้นำท่องเที่ยว ไม่มีโรคประจำตัว มีประวัติเสี่ยงคือ เมื่อวันที่ 13 -19 มีนาคม ได้เดินทางนำเที่ยวไปประเทศจอร์เจีย และมีลูกทัวร์ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ได้เดินทางกลับมาประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 มีนาคม จึงเริ่มมีอาการป่วย เมื่อวันที่ 29 มีนาคม จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล (รพ.) แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ด้วยอาการไอ เหนื่อย ออกซิเจนในเลือดลดลงเหลือร้อยละ 88 ผลเอกซเรย์ปอดพบว่ามีอาการปอดอักเสบ แพทย์จึงส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 ภายหลังจากนั้น 2 สัปดาห์ อาการแย่ลงเรื่อยๆ และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 เมษายน
รายที่ 2 นับเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 45 ผู้ป่วยหญิง อายุ 35 ปี อาชีพพนักงานบริษัท มีโรคประจำตัวคือ โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูงที่รักษาไม่ต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 20 มีนาคม มีอาการป่วยไอ เหนื่อย จึงเข้ารับการรักษาครั้งแรกที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง แพทย์จ่ายยาและให้กลับบ้านแต่อาการไม่ดีขึ้นจึงกลับมารักษาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ด้วยอาการไอและเหนื่อยมากขึ้น จึงเข้ารักษาใน รพ. ผลเอกซเรย์ปอดพบว่า มีอาการปอดอักเสบรุนแรง ร่วมกับการติดเชื้อในกระแสเลือด เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ผลตรวจยืนยันว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 ระหว่างการรักษาผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยมากขึ้น แพทย์จึงใช้ท่อช่วยหายใจแต่อาการแย่ลงเรื่อยๆ และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 เมษายน
รายที่ 3 นับเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 46 ผู้ป่วยชายไทย อายุ 37 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป เช่น ขับรถแบคโฮ มีโรคประจำตัวคือ โรคความดันโลหิตสูงและภาวะอ้วน ประวัติเสี่ยงคือ ภรรยาทำงานร้านอาหารย่านสุขุมวิท เมื่อมีการประกาศปิดสถานบริการ ในวันที่ 18 มีนาคม ภรรยาได้เดินทางกลับมาอยู่ด้วยกันที่ จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ผู้ป่วยมีอาการไข้สูงร่วมกับทอลซินอักเสบ จึงได้เข้ารับการรักษาที่คลินิกแห่งหนึ่งใน จ.ปราจีนบุรี ระหว่างนั้นมีอาการป่วยมากขึ้นและได้เดินทางไปรักษาตัวในคลินิกอีก 4-5 ครั้ง แต่อาการไม่ดีขึ้น แพทย์จึงแนะนำให้เข้าตรวจที่ รพ.ประจำจังหวัด เมื่อวันที่ 6 เมษายน มีอาการไข้สูง 39.1 องศาเซลเซียส ร่วมกับอาการหน้ามืด แพทย์จึงใส่ท่อช่วยหายใจและส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 ภายหลังพบว่า มีการติดเชื้อจริง และอาการแย่ลงเรื่อยๆ และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 เมษายน
“ในวันนี้ผู้เสียชีวิตมีอายุต่ำกว่า 60 ปีทั้งสิ้น เป็นทั้งเพศหญิงเพศชาย ต่างชาติและชาวไทย แม้เป็นเรื่องน่าเศร้าในทุกๆ วันที่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นการสะสมมาตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม ดังนั้น หากวันนี้มีมาตรฐานที่ดีขึ้นในอนาคตจำนวนผู้เสียชีวิตก็จะลดน้อยลง ดังนั้นตัวเลขที่มีการเสียชีวิตคือ การสะสมผู้ป่วยตั้งแต่เดือนมีนาคม หากวันนี้ทุกคนช่วยกันดูแลมาตรการได้อย่างดีใน 14-15 วันข้างหน้าจะไม่มีผู้เสียชีวิต” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว