ส่องนโยบายผู้นำเกาหลีใต้คนใหม่ สายแข็งฟาด'คิมจองอึน'-สงครามทางเพศยิ่งสั่นสะเทือนสังคม
ผู้นำเกาหลีใต้คนใหม่-วันที่ 13 มี.ค.เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นรายงานบทวิเคราะห์ว่า นายยุน ซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใหม่จากพรรคพลังประชาชนอาจสั่นสะเทือนภูมิภาคได้อย่างไร เมื่อมีภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ ตลอดจนปัญหาภายในประเทศรออยู่รวมถึงสงครามทางเพศและยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากชนะเลือกตั้งเฉียดฉิวอย่างมาก โดยมีคะแนนนำคู่แข่งอย่างนายอี แจเมียง จากพรรคประชาธิปไตย เพียงไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์
นายยุนเป็นผู้มาใหม่ในแวดวงการเมือง ใช้เวลา 27 ปีในอาชีพอัยการ แต่นายยุนจะต้องเผชิญกับความท้าทายเมื่อขึ้นมาแทนที่นายมุน แจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนปัจจุบัน ดังนี้
นโยบายสายแข็งต่อเกาหลีเหนือ
การรณรงค์หาเสียงส่วนมากของนายยุนเน้นย้ำที่จุดยืนที่ก้าวร้าวต่อเกาหลีเหนือ ซึ่งออกห่างจากวิธีของนายมุน แจอิน ซึ่งสนับสนุนการเจรจาและการปรองดองอย่างสันติเสมอมา ความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีเป็นประเด็นสำคัญในการเลือกตั้ง ความตึงเครียดกำลังสูงขึ้นท่ามกลางการทดลองยิงขีปนาวุธของฝ่ายเกาหลีเหนือที่ถี่มากขึ้น โดยปล่อยขีปนาวุธ 9 ครั้งแล้วในปีนี้ รวมถึงขีปนาวุธเหนือเสียงประเภทใหม่สามารถที่จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ส่งผลให้เกาหลีใต้ประณาม
นายชอง ซองชาง ผอ.ศูนย์เกาหลีเหนือศึกษาจากสถาบันเซจอง ระบุไว้ก่อนการเลือกตั้งว่า การเจรจาเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือซึ่งชะงักนับตั้งแต่ซัมมิตระหว่างสหรัฐอเมริกาและเกาหลีเหนือล้มเหลวในปี 2562 นั้นไม่อาจจะคาดหวังความก้าวหน้าใดๆในการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์หากรัฐบาลชุดหน้าไม่เสนอทางแก้การปลดอาวุธนิวเคลียร์ที่ทันสมัยและสามารถยอมรับได้ทั้งจากฝ่ายสหรัฐอเมริกาและเกาหลีเหนือ
ขณะที่นายอี คู่แข่งคนสำคัญของนายยุนสนับสนุนการปฏิสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือที่วางอยู่บนฐานของความไว้วางใจและต่างตอบแทน แต่ในทางตรงข้าม นายยุนให้สัญญาที่จะเสริมกำลังกองทัพของเกาหลีใต้ แม้กระทั่งการบอกเป็นนัยว่าตนเองจะเปิดการโจมตีก่อนหากเห็นสัญญาณของการปล่อยขีปนาวุธที่ทำให้ขุ่นเคือง
นายยุนกล่าวสุนทรพจน์ในกรุงโซล เมื่อ 24 ม.ค.ว่า ประตูสู่การทูตและการเจรจาจะเปิดอยู่เสมอ แต่เขาจะต้องไล่ตามสันติภาพที่อยู่บนพื้นฐานของการแสดงท่าทางการป้องกันประเทศที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่การยอมจำนน
หลายปัญหาภายในบ้าน
นายยุนเผชิญความท้าทายหลายประการรวมถึงการแพร่รระบาดของโควิด-19 การคอรัปชั่น การเมืองที่แบ่งขั้ว และความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งเป็นอีกประเด็นสำคัญที่กำหนดการเลือกตั้ง การเผชิญตลาดงานที่มีการแข่งขันสูง ราคาบ้านที่พุ่งสูง การต่อต้านเฟมินิสต์ ความพยายามของประเทศที่จะแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศที่ถูกมองว่าเข้าข้างสตรีมากเกินไป
ขณะที่ฝ่ายเฟมินิสต์ชี้ว่า ความรุนแรงทางเพศที่แพร่หลายทั่วประเทศรุกล้ำความคาดหวังทางเพศและทำให้การเป็นผู้แทนที่เป็นสตรีในคณะกรรมการบริหารและในแวงวงการเมืองต่ำลง เป็นตัวอย่างว่าการเลือกปฏิบัติทางเพศต่อสตรียังคงมีอยู่ทั่วไป
กลุ่มต่อต้านเฟมินิสต์กลายเป็นกลุ่มคนมีสิทธิลงเลือกตั้งที่ทรงพลังในเกาหลีใต้ เมื่อเดือนเม.ย.2564 พรรคประชาธิปไตยของนายมุน แจอิน ประธานาธิบดีที่กำลังจะหมดวาระในเดือนพ.ค.นี้ พ่ายการเลือกตั้งระดับเทศบาลทั้งในกรุงโซลและนครปูซาน เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ โดยโพลระบุว่า หนุ่มในช่วงวัย 20 ปี เปลี่ยนไปเลือกพรรคพลังประชาชนของนายยุนอย่างล้นหลาม
ขณะที่การเลือกตั้งมาถึงแล้ว มีความกังวลว่าหากนายยุนชนะ การแบ่งแยกทางเพศอาจถ่างกว้างขึ้นหนักกว่าเดิม และการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของผู้หญิงอาจล้มเหลวได้