TOPลุ้นงบQ1กำไร7พันล. ค่าการกลั่นพุ่งดันโตเท่าตัว
#TOP #ทันหุ้น – TOP จับตางบไตรมาส 1/2565 คาดมีกำไรสุทธิ 7 พันล้านบาท เติบโต 109% สูงสุดรอบ 4 ไตรมาส รับอานิสงส์ค่าการกลั่นพุ่ง ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลดลง และกำไรจากสต๊อกน้ำมัน ขณะที่แนวโน้มค่าการกลั่นไตรมาส 2/2565 ยังแข็งแกร่ง โดยเฉพาะค่าการกลั่นน้ำมัน Jet และดีเซล จากการเดินทางเพิ่มขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 ที่ 7.0 พันล้านบาท (+40% QoQ, +109% YoY) สูงสุดรอบ 4ไตรมาส หนุนจาก 1.กำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) ที่ 7.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (+11% QoQ, +90% YoY) โดยการพุ่งขึ้นอย่างมากของค่าการกลั่น เพียงพอชดเชยอัตรากำไรของธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น และอะโรเมติกส์ที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นได้ทั้งหมด 2.ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลดลง QoQ และ 3.กำไรสต๊อกน้ำมันรวม Hedging 5.0 พันล้านบาท
ขณะที่โมเมนตัมกำไรไตรมาส 2/2565 ดูดีกว่าคู่แข่งที่จะลดลง QoQ คาดค่าการกลั่นที่พุ่งขึ้นจะสามารถชดเชยต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้นได้ และจะมีกำไรการขายบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC หากไตรมาส 1/2565 ตามคาด จะคิดเป็น 76%ของทั้งปี (ไม่รวมกำไรขาย GPSC) ทำให้ประมาณการมี Upside ส่วน Valuation มีส่วนลดจากค่าเฉลี่ยในอดีตมากกว่าคู่แข่ง, ระยะกลาง-ยาวมีการเติบโตจากโครงการ CFP และ CAP II, ประเมิน Price Dilution การเพิ่มทุนไม่มาก คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 65.00 บาท
*ค่าการกลั่นขาขึ้น
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง TOP ว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 ที่ 6.8 พันล้านบาท เติบโตแกร่ง +102%YoY และ +35%QoQ โดยคาดค่าการกลั่น (Market GRM) เพิ่ม +900%YoY, +30%QoQ เป็น 7.0 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และประเมินกำไรสต๊อก 5.3 พันล้านบาท & กำไรอัตราแลกเปลี่ยน (FX) 200 ล้านบาท แม้มาร์จิ้นอะโรเมติกส์และน้ามันหล่อลื่นลดลงก็ตาม
ด้านค่าการกลั่นที่รวมมูลค่าเปลี่ยนแปลงในสต๊อก (Accounting GIM) ไตรมาส 1/2565 คาดไว้ที่ 14.1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่ม +38%YoY, +42%QoQ ซึ่งสูงกว่าระดับคุ้มทุนที่ 5.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่แนวโน้มค่าการกลั่นไตรมาส 2/2565 ยังแข็งแกร่ง โดยเฉพาะค่าการกลั่นน้ำมัน Jet และดีเซล จากการเดินทางเพิ่มขึ้น, สต๊อกน้ำมันอยู่ในระดับต่ำ, อุปทานลดลงเมื่อมีสงครามรัสเซีย ยูเครน และการคว่ำบาตรนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ค่าการกลั่นน้ำมัน JET/ดีเซล/เบนซิน ไตรมาส 2/2565 อยู่ที่ 29.82/33.93/22.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +84%/+74%/+24% ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน
คงคำแนะนำซื้อ TOP ให้ราคาพื้นฐาน 67 บาท (อิง P/BV ที่ 1.05 เท่า Mean 5 ปี) ปัจจัยกระตุ้นในระยะสั้น คือ ค่าการกลั่นสูง ส่วนในระยะยาว คือ โครงการ CFP ที่จะเพิ่มกำลังผลิตจาก 2.75 เป็น 4.00 แสนบาร์เรลต่อวัน และไม่มีน้ำมันเตาในการผลิต
*เคาะพื้นฐาน 77 บาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุถึง TOP ว่า มอง บวกเล็กน้อยต่อแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/2565 ที่ราว 6,688 ล้านบาท (+12% Y-Y, +44% Q-Q) โดยกำไรโต Y-Y Q-Q เพราะธุรกิจโรงกลั่นที่ดีขึ้นกลบฝั่งปิโตรเคมีและ Lube ที่ลดลงได้ โดยมาจากทั้ง Stock Gain ก้อนใหญ่ที่เพิ่มขึ้น 10% Y-Y, 42% Q-Q ตามราคาน้ำมันดิบ เพราะ Supply ที่ตึงตัวจากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน
และค่าการกลั่นที่เพิ่ม 827% Y-Y และ 20% Q-Q ตามสเปรดปิโตรเลียมที่ความต้องการใช้ฟื้น ประกอบกับ Supply ตึงตัวจากการหลีกเลี่ยงการซื้อน้ำมันจากรัสเซียของผู้ซื้อทั่วโลก คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2565 จะโตเด่นทั้ง Y-Y Q-Q เพราะกำไรพิเศษก้อนใหญ่กว่า 1.1 หมื่นล้านบาท จากการขายเงินลงทุน GPSC เข้ามาหนุน
ทั้งนี้คงคำแนะนำ “ซื้อ” ต่อ TOP ที่ราคาเป้าหมาย 77.0 บาทต่อหุ้น และเลือกเป็น Top Pick เช่นเดิม มองกำไรสุทธิ ครึ่งปีแรก 2565 เด่นกว่ากลุ่ม และครึ่งปีหลัง 2565 มีแรงกดดันจาก Stock Loss น้อยกว่ากลุ่ม รวมถึงระยะยาวความสามารถในการทำกำไรสูงกว่ากลุ่มหลังโครงการ CFP เริ่ม COD ในปี 2566 มองในช่วง Overhang การเพิ่มทุนเป็นโอกาสซื้อ