รายงานชี้ 'มหาเศรษฐีสหรัฐฯ' รวยขึ้นเกือบ 1 ใน 3 ตั้งแต่โควิด-19 ระบาด
นิวยอร์ก, 18 เม.ย. (ซินหัว) -- ออกซ์แฟม อเมริกา (Oxfam America) องค์กรการกุศลต่อต้านความยากจนของสหรัฐฯ ได้ออกมาเรียกร้องการเรียกเก็บภาษีกลุ่มคนที่มีฐานะร่ำรวยเป็นพิเศษอีกครั้ง ขณะที่กำหนดการการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ของรัฐบาลกลางสำหรับชาวอเมริกันกำลังใกล้เข้ามาองค์กรฯ เผยแพร่บทวิเคราะห์ซึ่งชี้ว่ามหาเศรษฐีจำนวนมากขึ้นในสหรัฐฯ ร่ำรวยขึ้นเกือบ 1 ใน 3 นับตั้งแต่โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เริ่มแพร่ระบาด และมีจำนวนเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 90 ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเว็บไซต์ข่าวคอมมอน ดรีมส์ (Common Dreams) อ้างอิงองค์กรฯ ในบทนำของรายงาน "ภาษีคนรวย, แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ" (Tax Wealth, Tackle Inequality) ซึ่งเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ความเหลื่อมล้ำด้านความมั่งคั่งในสหรัฐฯ รุนแรงและอันตรายกว่าความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ และสหรัฐฯ จำเป็นต้องเปลี่ยนแนวทางการรับมือ ด้วยการเก็บภาษีความมั่งคั่งและภาษีเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพรายงานอ้างอิงข้อมูลจากฟอร์บส์ (Forbes) นิตยสารธุรกิจของสหรัฐฯ พบว่ามหาเศรษฐีในสหรัฐฯ ร่ำรวยขึ้นเกือบ 1 ใน 3 หรือคิดเป็นมากกว่าล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 34.3 ล้านล้านบาท) เมื่อเทียบกับตอนเริ่มเกิดโรคระบาดใหญ่ในปี 2020 ขณะที่ความมั่งคั่งโดยรวมของมหาเศรษฐีกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 86 ตั้งแต่ปี 2013การวิเคราะห์ระบุว่าจำนวนมหาเศรษฐีในสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 700 คน เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 60 จากเมื่อ 10 ปีที่แล้วสหรัฐฯ มี "ชนชั้นล่างถาวร" ซึ่งประกอบด้วยครอบครัวแรงงานที่ถูกปฏิเสธสิทธิทางเศรษฐกิจ ตกอยู่ในความยากจน และไม่สามารถสะสมความมั่งคั่งได้ไม่ว่าจะทำงานหนักเพียงใด โดยข้อมูลของออกซ์แฟมแสดงให้เห็นว่าแรงงานสหรัฐฯ เกือบ 1 ใน 3 มีรายได้น้อยกว่า 15 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 513 บาท) ต่อชั่วโมง ขณะแรงงานผู้หญิงผิวสีครึ่งหนึ่งมีรายได้น้อยกว่า 15.14 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 518 บาท)นอกจากนั้น ช่องว่างความมั่งคั่งทางเชื้อชาติขยับกว้างขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 จนกระทั่งใกล้เคียงกับปี 1950 แล้วในปัจจุบัน โดยครัวเรือนชาวอเมริกันผิวดำมีทรัพย์สินเฉลี่ยเพียงประมาณ 12 เซนต์ (ราว 4 บาท) เมื่อเทียบกับเงินทุกๆ 1 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 34 บาท) ของครัวเรือนชาวอเมริกันผิวขาวโดยเฉลี่ย