ทหารคุมเข้ม ทำบุญสารทเดือนสิบรับตายาย

วันที่ 3 กันยายน 2563 บรรยากาศของวัดขวัญประชา และวัดเทพวิมล  ในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ในงานบุญสารทเดือนสิบจึงเต็มไปด้วยพุทธศาสนิกชนที่นำอาหารคาวหวานมาถวายพระและอีกส่วนหนึ่งไปวางบนร้านเปรตที่จะมีทั้งที่ยกสูงเหนือพื้นดินเล็กน้อยไปจนกระทั่งมีความสูงหลายเมตร เพื่อทำบุญเซ่นไหว้ดวงวิญญาณบรรพชน  เสน่ห์ของงานบุญสารทเดือนสิบที่ทุกคนรอคอย คือการได้ร่วมชิงเปรต โดยมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ต่างแย่งชิงของที่เหลือจากการเซ่นไหว้บรรพชนเพราะเชื่อว่าจะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และยังได้โชคลาภจากเงินที่ใส่มาในถุงเซ่นไหว้ ทั้งเหรียญบาทเหรียญ10บาทหรืออาจจะมากกว่านั้นแล้วแต่กำลังทรัพย์ของผู้ทำบุญ

ดังนั้นจึงถือเป็นงานบุญสำคัญของคนใต้ ที่บุตรหลานญาติพี่น้องไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ใดของประเทศก็จะกลับมารวมตัวกันเพื่อแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทีและระลึกถึงบรรพชนผู้ล่วงลับ ทุกครอบครัวล้อมวงกันจัดสำรับอาหาร ที่เรียกว่า หฺมฺรับ ที่ประกอบด้วยวัตถุดิบที่หลากหลาย อาทิ ข้าวสาร หอม กระเทียม พริก เกลือ กะปิ น้ำตาล อาหารแห้ง ผัก ผลไม้ เข็มด้าย หรือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และสิ่งที่เห็นจนชินตาทุกครั้งที่มีงานบุญสารทเดือนสิบ คือ ขนมพอง  ขนมลา ขนมกง ขนมดีซำ ขนมบ้า ในระหว่างการตระเตรียมของไหว้ตั้งแต่เช้ามืด แต่ละบ้านที่เคยเงียบสงบเพราะอยู่กันแบบครอบครัวเล็กๆ ก็จะมีเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะของญาติพี่น้องที่สอบถามสารทุกข์สุขดิบด้วยความรักกันเป็นระยะๆเพราะกว่าจะมารวมตัวกันได้ไม่ใช่เรื่องง่าย

โดยในงานบุญสารทเดือนสิบได้เริ่มต้นแล้วด้วยการรับตายายและบรรพชนผู้ล่วงลับกลับมายังโลกมนุษย์เพื่อเยี่ยมเยียนบุตรหลานของตนเองวันแรม 1 ค่ำเดือน 10 หรือในปีนี้ที่ตรงกับวันที่ 3 กันยายน 2563  เป็นวันแรกของงานเดือนสิบ เรียกว่าเป็นวันรับเปรต จากนั้นจนถึงวันที่  17 กันยายน 2563 จะมีการประกอบพิธีเช่นเดียวกันนี้ เรียกว่าวันส่งเปรต เพื่อกลับสู่ภพภูมิต่อไป เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีกรรมงานเดือนสิบ

ทั้งนี้ ตามวัดต่างมีเจ้าหน้าที่ความมั่นคง 3 ฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง สนธิกำลังเข้ามาดูแลพื้นที่ตามวัดวาอารามต่างๆ อย่างเข้มงวด รวมทั้งเส้นทางโดยรอบและปากทางเข้าวัดเพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่พุทธศาสนิกชนอย่างเต็มที่ด้วย