กลุ่มแบงก์ มุมมอง 'ดาโอ' ธปท.ออกมาตรการแก้หนี้ช่วยเหลือลูกหนี้
#ทันหุ้น - บล.ดาโอ ส่องหุ้น "กลุ่มธนาคาร" ฝ่ายวิจัยมองเป็นกลาง ธปท.ออกมาตรการแก้หนี้ช่วยเหลือลูกหนี้ ในโครงการคุณสู้เราช่วย รายละเอียดคล้ายกับข่าวก่อนหน้า โดย 1) มาตรการจ่ายตรง คงทรัพย์ มีเพียงวงเงินที่ลดลงเหลือ 8.9 แสนล้านบาท และเพิ่มวงเงินสินเชื่อบ้านและ SME เป็น 5 ล้านบาท จากเดิมที่ 3 ล้านบาท ขณะที่ผลกระทบต่องบกำไรขาดทุนทั้งปี 2568 ฝ่ายวิจัยคาดว่าจะไม่กระทบแบบมีนัยสำคัญ เพราะ 1H68 จะโดนผลกระทบต่อ Loan yield ที่จะลดลง จาก EIR ที่ลดลงเพราะไม่มีการรับรู้ดอกเบี้ย 3 ปี แต่ช่วง 2H68 จะเห็นการลดลงของสำรองฯ หลังจากที่ลูกหนี้กลับมาจ่ายได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด
อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยยังรอความชัดเจนในการลงบัญชี เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีการบันทึกเป็นดอกเบี้ยค้างรับหรือไม่ ซึ่งต้องรอรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ธปท. อีกที ส่วน 2) มาตรการ จ่าย ปิด จบ ฝ่ายวิจัยมองเป็นบวกเพราะสินเชื่อส่วนบุคคล-บัตรเครดิต โดยปกติทุกธนาคารจะมีการ write-off ค่อนข้างเร็วประมาณ 6-12 เดือน โดยสินเชื่อที่เข้ามาตรการนี้จะเป็นหนี้เสียค้างเกิน 1 ปี ทำให้กลุ่มธนาคารมีโอกาสได้เงินคืนจากลูกหนี้กลุ่มนี้เข้ามาเพิ่มเติมได้บ้างเล็กน้อย ทั้งนี้ธนาคารขนาดใหญ่ที่มีสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยเรียงจากมาก-น้อย คือ TTB (62%), KTB (46%), SCB (40%), KBANK (28%)
ยังคงน้ำหนักเป็น “มากกว่าตลาด” เลือก KTB, KBANK เป็น Top pick ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการลงทุนของกลุ่มธนาคารเป็น “มากกว่าตลาด” เพราะแนวโน้มการเติบโตของกำไรปี 2567-2568 จะยังเติบโตได้ต่อเนื่องอีก 5-6% YoY ขณะที่ valuation ยังถูก โดยเทรดที่ระดับเพียง 0.67x PBV (-1.25SD below 10-yr average PBV) ขณะที่ยังคงเลือก KBANK, KTB เป็น Top pick
KTB ราคาเป้าหมายที่ 24.50 บาท อิง PBV 2568 ที่ 0.85x (-0.75SD below 10-yr average PBV) เพราะกำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงที่สุดในกลุ่มธนาคารที่ +18% YoY ขณะที่ฝ่ายวิจัยคาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิ Q4/67 จะเพิ่มขึ้น YoY แต่จะลดลง QoQ จาก OPEX ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล และ KTB เน้นปล่อยสินเชื่อภาครัฐมากขึ้น ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำและรองรับกับสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงได้
KBANK ราคาเป้าหมายที่ 176.00 บาท อิง 2568 PBV ที่ 0.70x (-1.00SD below 10-yr average PBV) เพราะคุณภาพของสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และฝ่ายวิจัยคาดหวัง JV AMC กับ BAM จะช่วยลด NPL ได้ในระยะยาวและคาดกำไร Q4/67 จะเพิ่มขึ้น YoY จากสำรองฯ ที่ลดลง โดยปัจจุบันซื้อขายเพียง 0.66x PBV (-1.25SD below 10-yr average PBV) ถูกกว่า SCB ที่ 0.81x PBV
Peer comparison
ทั้งนี้ ธปท. ออกมาตรการแก้หนี้ช่วยเหลือลูกหนี้ในโครงการคุณสู้เราช่วย โดยมี 2 มาตรการ คือ มาตรการจ่ายตรง คงทรัพย์ และมาตรการ จ่าย ปิด จบ โดยลูกหนี้ที่จะเข้าร่วมได้ต้องทำสัญญาสินเชื่อก่อน 1 ม.ค.67 และมีสถานะเป็นลูกหนี้ค้างชำระ 31-365 วัน ขณะที่ลูกหนี้ที่จะเข้าร่วมต้องเข้าไปลงทะเบียนผ่าน ธปท. ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค. 67-28 ก.พ.68 โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) มาตรการจ่ายตรง คงทรัพย์ มียอดหนี้ที่ 8.9 แสนล้านบาท (น้อยกว่าข่าวก่อนหน้านี้ที่ 1.3 ล้านล้านบาท) โดยธนาคารจะจ่าย FIDF ที่เท่าเดิมที่ 0.46% ขณะที่ภาครัฐจะตั้งกองกลางโดยนำเงินจาก FIDF fee ที่ 0.23% มาใส่ที่ราว 3.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากธนาคารไหนแก้หนี้ให้ลูกหนี้ได้เท่าไรก็สามารถมาเบิกดอกเบี้ยได้ 50%
โดยมาตรการนี้จะครอบคลุมลูกหนี้ 5 กลุ่มคือ สินเชื่อบ้าน/Home for cash ไม่เกิน 5 ล้านบาท, สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์/Car for cash ไม่เกิน 8 แสนบาท, สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์/Car for cash ไม่เกิน 5 หมื่นบาท, SME ไม่เกิน 5 ล้านบาท และบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่รวมหนี้บ้านและหนี้รถ โดยปีแรกชำระ 50% ของค่างวด, ปีที่สองชำระ 70% และปีที่สามชำระ 90% ขณะที่ลูกหนี้ไม่สามารถขอสินเชื่อใหม่ได้ในช่วง 12 เดือนแรก และต้องติด Flag ใน NCB
2) มาตรการ จ่าย ปิด จบ มียอดหนี้ที่ 1 พันล้านบาท โดยให้กับลูกหนี้ NPL บุคคลธรรมดาในทุกประเภทสินเชื่อ โดยมีภาระหนี้คงค้างไม่เกิน 5,000 บาท ซึ่งลูกหนี้ต้องชำระบางส่วนเพื่อเป็นการปิดบัญชี (ที่มา: ธปท.)