ตร.มหาสารคาม จับยาบ้า 178,000 เม็ด เผยเช่ารถตระเวนส่งยา
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน เวลา 11.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม นายเกียรติศักดิ์ จันทรา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วย พล.ต.ต.ดิเรก จิตอร่าม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม พ.ต.อ.สุรศักดิ์ เปลี่ยนขำ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกันทรวิชัย นายนันทวิทย์ นาคแสง นายอำเภอกันทรวิชัย ชุดสืบสวน สภ.กันทรวิชัย และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายชัยวุธ วรสาร หรือ ซี อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137 หมู่ 7 ต.สายนาวัง อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 89 มัด รวม 178,000 เม็ด โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณป่าโคกโจด ริมถนนถีนานนท์ ต.คันธารราษฏร์ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม
พล.ต.ต.ดิเรก จิตอร่าม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมของนายชัยวุธมาระยะหนึ่ง โดยได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการนัดส่งยาบ้ากันที่บริเวณป่าโคกโจดริมถนนถีนานนท์ พื้นที่อำเภอกันทรวิชัย ต่อมามีรถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า สีเทา หมายเลขทะเบียน กน 952 ร้อยเอ็ด ขับมาจอดที่บริเวณดังกล่าว ก่อนที่จะมีชายลักษณะรูปร่างอ้วน เดินลงมาจากรถ และทำทีเข้าไปหาสิ่งของที่ข้างทาง และได้ดึงถุงพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ขึ้นมาจากพงหญ้า เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวขอตรวจค้น จากการตรวจสอบพบยาบ้าบรรจุอยู่ในถุง จำนวน 89 มัด รวมยาบ้าทั้งหมด 178,000 เม็ด โดยผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่ายาบ้าทั้งหมดเป็นของตน โดยผู้ต้องหาถูกว่าจ้างมาจากนายขาใหญ่บ้านหนองบัว เป็นชาว สปป.ลาว ใช้โทรศัพท์มือถือสั่งการทางแอพพลิเคชั่นไลน์ และเฟซบุ๊ก โดยจะให้นำยาบ้าไปวางไว้ตามจุดต่าง ๆ ที่นายขาใหญ่บ้านหนองบัวสั่ง
โดยเมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้นำยาบ้าไปส่งตามจุดต่าง ๆ 4 จังหวัด ประกอบด้วย มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ขอนแก่น และกาฬสินธุ์ และมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ในวันที่ 6 มิถุนายน ซึ่งนายชัยวุธ ถือว่าเป็นมือปืนรับจ้าง ในการนำยาบ้ากระจายไปตามจุดต่าง ๆ ได้ค่าจ้างมัดละ 2,000-2,5000 บาท ทำให้แต่ละรอบที่ออกปฏิบัติการจะมีรายได้ครั้งละไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบพฤติกรรมว่านายชัยวุธได้ไปเช่ารถจากร้านเช่ารถ คันที่ตรวจยึดได้ มาจาก จ.ร้อยเอ็ด เพื่อตระเวนส่งยาบ้าโดยเฉพาะอีกด้วย ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมใหม่ของขบวนการค้ายาบ้าที่เจ้าหน้าที่จะต้องตามให้ทัน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการติดตามตัวผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป