รีเซต

'ภูเก็ต' ออกประกาศปิดเพิ่ม พื้นที่ตำบลราไวย์ ห้ามบุคคลเข้าออก

'ภูเก็ต' ออกประกาศปิดเพิ่ม พื้นที่ตำบลราไวย์ ห้ามบุคคลเข้าออก
มติชน
6 เมษายน 2563 ( 09:44 )
260
'ภูเก็ต' ออกประกาศปิดเพิ่ม พื้นที่ตำบลราไวย์ ห้ามบุคคลเข้าออก

เมื่อวันที่ 6 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดภูเก็ตได้มีการออกประกาศจังหวัดปิดเพิ่มตำบลราไวย์อีก 1 พื้นที่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการประกาศปิดพื้นที่ป่าตอง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

คำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 1826/2563 เรื่องปิดสถานที่และกำหนดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด19 พื้นที่ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

โดยที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัวโคโรน่า 2019 หรือโรคโควิด19 ในปัจจุบันได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและกว้างขวางออกไปหลายประเทศทั่วโลก โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง ชื่อและอาการของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2563 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ2563 กำหนดให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือโควิด 19 เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจึงได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ฉบับลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2563 เกี่ยวกับโรคดังกล่าวและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด 19 และจากการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดในจังหวัดภูเก็ต พบว่ายังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับเทศบาลตำบลราไวย์มีหนังสือเสนอมาตรการแนวทางแก้ไข ปัญหาดังกล่าว ตามหนังสือเทศบาลตำบลราไวย์ ที่ภก.52801.8/608 ลงวันที่ 3 เมษายน 2563

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 มาตรา 34(7) และมาตรา 35 (1)(2)(3 )แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และข้อ 7 (1) ประกอบข้อ 1 ข้อ 7 ข้อ 11 และข้อ 13 ของข้อกำหนอออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 (ฉบับที่ 1 ) ลงวันที่ ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 16 / 2563 เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2563 จึงออกคำสั่งไว้ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 เนื่องจากพื้นที่ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด 19 เพื่อป้องกันมิให้โรคนั้นแพร่ทางตรงหรือโดยทางอ้อมไปยังผู้อื่นจึงห้ามประชาชนเข้าไปหรือออกจากพื้นที่ดังกล่าว เว้นแต่ยานพาหนะสำหรับการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค แก๊สหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องมือแพทย์ ยานพาหนะกู้ชีพกู้ภัย รถพยาบาล รถฉุกเฉินทางการแพทย์ รถที่ใช้สำหรับภารกิจทางราชการ รถขนส่งพัสดุและสิ่งพิมพ์ ทั้งนี้ผู้ได้รับอนุญาตยกเว้นหรือผ่อนผัน ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน ควบคุมโรคติดต่อโดยเคร่งครัด

ข้อ2 กำหนดจุดตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด 19 ตามแผนที่แนบท้ายคำสั่งดังนี้

จุดตรวจคัดกรองบริเวณรอยต่อตำบลกะรน – ตำบลราไวย์ ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 7 ถนนรอบเกาะ ตำบลราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต

จุดตรวจคัดกรองบริเวณหน้าห้างโลตัสสาขาราไวย์ ตั้งอยู่ ณ ถนนวิเศษ ตำบลราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต
โดยมอบหมายให้อำเภอเมืองภูเก้ต สถานีตำรวจภูธรฉลอง และเทศบาลตำบลราไวย์ จัดประกอบกำลังเป็นชุดปฏิบัตการประจำจุดตรวจคัดกรองดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ให้นายอำเภอ หรือปลัดอำเภอที่นายอำเภอมอบหมายในพื้นที่เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำจุดคัดกรองดังกล่าว และผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรฉลอง หรือผู้ที่กำกับมอบหมายเป็นรองหัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำจุดคัดกรองดังกล่าว

ข้อ 3 ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อพิจารณาตรวจคัดกรองบุคคลที่ผ่านจุดตรวจคัดกรองตามข้อที่ 2 เพื่อป้องกัน และควบคุมโรคตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ.ศ.2558 และข้อกำหนดอออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ 2548 (ฉบับที่1) ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ 2563

ข้อ 4 มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด 19 ดังต่อไปนี้
(1)ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตร่วมกับอำเภอเมืองภูเก็ต และเทศบาลตำบลราไวย์ จัดบุคคลเข้าไปตรวจวัดไข้ประชาชนที่อยู่ในเขตตำบลราไวย์ทุกคน หากพบผู้ใดซึ่งอาการเข้าข่ายที่ต้องเฝ้าระวังโรคโควิด 19 จะต้องถูกส่งไปแยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกตุอาการ ยังสถานที่ที่จังหวัดกำหนด
(2)ให้เทศบาลตำบลราไวย์ทำความสะอาดสถานที่สาธารณะ ถนน บ้านพักอาศัย ร้านค้าในเขตพื้นที่ตำบลราไวย์โดยการฉีดฆ่าเชื้อทั้งหมดทุกหลังคาเรือน
(3)ตามที่จังหวัดได้มีคำสั่งปิดโรงแรมแล้วตามคำสัง่จังหวัดภูเก็ตที่ 1797/2563 ลงวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2563 หากมีโรงแรมใดในพื้นที่ตำบลราไวย์ จำเป็นจะต้องให้พนักงานเข้าไปปฏิบัติงานด้านบัญชี การซ่อมบำรุง หรืออื่นๆ ให้โรงแรมจัดหาที่พักภายในโรงแรมให้พนักงาน จนกว่าจะปฏิบัติหน้าที่แล้วเสร็จ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายพนักงานซึ่งอาจเป็นพาหะในการกระจายโรค แต่หากมีพนักงานคนใดมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตจังหวัดและประสงค์จะกลับภูมิลำเนา ให้โรงแรมแจ้งรายชื่อพนักงานให้หัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำด่านตรวจจังหวัดภูเก็ต(ท่าฉัตรไชย)พิจารณาเป็นรายกรณี ทั้งนี้จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 7 เมษายน 2563

ข้อ 5 ขอความร่วมมือให้ประชาชนในพื้นที่มิให้ออกนอกเคหะสถาน หรือบริเวณสถานที่พำนักของตน เพื่อป้องกันตนเองจากการรับเชื้อและอาจเป็นพาหะในการกระจายโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ไปยังบุคคลอื่นอีก

หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ อาจเป็นความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจได้รับโทษตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ตามข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1)
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
สั่ง ณ วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 263 นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต/ ผู้กำกับการบริหารราชการนสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง